สทน.สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชน เพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจไทย ขยายศักยภาพการผลิตเภสัชรังสีและการฉายรังสีผลิตผลการเกษตร
เมื่อวันที่ 11 ก.ค.61 ดร.พรเทพ นิศามณีพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ในรอบสิบสองปีที่ผ่านมา สทน. ให้ความสำคัญอย่างมากกับการวิจัยพัฒนาการใช้ประโยชน์จากพลังงานปรมาณู และให้บริการทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งภาคประชาชนและธุรกิจ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคเศรษฐกิจไทย ตลอดการดำเนินงานของ สทน.ในช่วง 12 ปี ที่ผ่านมา สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมได้มากกว่า 70,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 5,800-6,000 ล้านบาท ที่ครอบคลุมกิจกรรมในด้านต่างๆ เช่น สิ่งแวดล้อม เกษตรอุตสาหกรรม การแพทย์
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04OQtj2LUXQxMOM6cmScRGezhHPb4gCF.jpg)
นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์มากกว่า 700 เรื่อง มีการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆมากกว่า 200 เรื่อง และสามารถนำมาต่อยอดเป็นงานบริการเพื่อประโยชน์สาธารณะมากกว่า 30 งานบริการ เช่น งานบริการฉายรังสีอัญมณี งานบริการฉายรังสี/งานตรวจวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยา งานบริการตรวจวัดกัมมันตภาพรังสี สินค้าส่งออก/นำเข้าฯสำหรับงานบริการที่สร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจในระดับประเทศ โดยส่งเสริมภาคธุรกิจและการสร้างรายได้ให้กับประเทศ อาทิ งานบริการตรวจสินค้าส่งออกโดยฉายรังสีในอาหารและผลิตผลการเกษตร เพื่อฆ่าเชื้อโรคและเพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์ฯในแต่ละปี สทน.ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ไปยังสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศออสเตรเลีย สินค้ามีมาตรฐานด้านความปลอดภัย และไม่ถูกปฏิเสธการนำเข้าจากประเทศคู่ค้า เพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการชาวไทยได้มากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี
...
ในการด้านสุขภาพพลานามัย สทน.เป็นหน่วยงานรัฐที่สามารถผลิตเภสัชภัณฑ์ทางรังสี เพื่อใช้วินิจฉัยโรค เช่น มะเร็งต่อมไร้ท่อ ตรวจการทำงานของไต และรักษาโรค อาทิ มะเร็งต่อมไทรอยด์ โรครูมาตอยด์เรื้อรัง บรรเทาอาการปวดจากมะเร็งแพร่กระจาย ฯลฯ โดยแต่ละปีมีผู้ป่วยใช้ยาที่ผลิตโดย สทน.มากกว่า 30,000 ราย ทำให้ไทยลดการนำเข้าเภสัชภัณฑ์รังสีจากต่างประเทศ สามารถประหยัดเงินได้กว่า 300 ล้านบาท
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04OQtj2LUXQxMOM6cmdt7mapDJzYe3tv.jpg)
ในอนาคตอันใกล้นี้ สทน.มีแผนเพิ่มศักยภาพการฉายรังสีอาหารและผลิตผลทางการเกษตร ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องฉายรังสีขนาด 3 และ 10 เมกะอิเล็กตรอนโวลต์ คาดว่าจะดำเนินการฉายรังสีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ในปี 2562 ในส่วนของการผลิตเภสัชภัณฑ์รังสีให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยมะเร็งและเนื้องอก โดยการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องไซโคลตรอน 30 เมกะอิเล็กตรอนโวลต์ คาดว่าจะเริ่มผลิตเภสัชรังสีได้ในปี 2563 และสามารถลดการนำเข้าเภสัชภัณฑ์รังสีได้มากกว่าปีละ 200 ล้านบาท และประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยเภสัชภัณฑ์รังสีเพิ่มขึ้นปีละกว่า 20,000 ราย