กระทรวงแรงงาน สรุปผลการทำทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ รวมเกืบ 1.4 ล้านคน ขณะอีก 7.5 หมื่นคนไม่มา กลายเป็นแรงงานเถื่อน พร้อมเร่งทำความสะอาด หลังกลิ่นฉี่คลุ้ง ซ้ำทิ้งขยะ-เศษอาหารไว้

กระทรวงแรงงาน สรุปผลการทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งศูนย์ทำทะเบียนประวัติได้ปิดศูนย์ไปเมื่อเวลา 24.00 น. คืนวันที่ 31 มี.ค. โดยศูนย์รายงานตัวออนไลน์ กรมการจัดหางาน แจ้งยอดทำทะเบียนประวัติแรงงาน 3 สัญชาติ ที่มีการขึ้นทะเบียนไว้ทั่วประเทศ 1,379,252 คน ตั้งแต่เปิดศูนย์ OSS ระหว่างวันที่ 5 ก.พ.-31 มี.ค. มีออกมาแสดงตัวทำทะเบียนประวัติ 1,303,933 คน เป็นการแจ้งผ่านระบบออนไลน์ทาง www.doe.go.th 190,098 คน และมีแรงงาน 75,319 คน ไม่ออกมาแสดงตัวทำทะเบียนประวัติ กลายเป็นแรงงานผิดกฎหมาย

นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า หลังปิดศูนย์ OSS ในเวลาเที่ยงคืนตามกำหนด แต่ในกระทรวงแรงงาน ยังมีแรงงานต่างด้าวรอคิวเป็นจำนวนมากจนเลยเที่ยงคืนไปแล้ว เป็นกลุ่มที่ดำเนินการแล้วแต่รอรับเล่ม สำหรับแรงงานจำนวน 75,319 คน ที่ไม่ออกมาแสดงตัว คิดเป็น 5% ของแรงงานทั้งหมด แรงงานกลุ่มนี่จะกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมาย หากลักลอบทำงานจะต้องถูกดำเนินคดีและส่งกลับประเทศ นายจ้างที่ใช้งานก็มีความผิดด้วย แต่แรงงานส่วนหนึ่งก็อาจไม่มีตัวตนแล้วเพราะเดินทางกลับประเทศ

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ในกระทรวงแรงงานทยอยทำความสะอาดบริเวณโดยรอบตึก 15 ชั้น เนื่องจากมีขยะ เศษอาหาร ขวดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่แรงงานต่างด้าวทิ้งไว้เกลื่อนกลาด ข้าราชการต่างพากันบ่นเรื่องกลิ่นปัสสาวะเนื่องจากแรงงานชายส่วนหนึ่งปัสสาวะลงท่อน้ำทิ้ง บางก็ซอกตึก ส่วนบนพื้นถนนและลานจอดรถมีรอยน้ำหมากบ้วนทิ้งไว้ ขณะที่ต้นไม้ประดับบริเวณวิหารพระพุทธสุทธิธรรมบพิตร พระประธานในกระทรวงถูกเหยียบย่ำจนเฉาตายต้องรื้อถอนปลูกใหม่ทั้งหมด สภาพห้องน้ำด้านล่างอยู่ในสภาพชำรุดเสียหายและสกปรกสะสมมาตั้งแต่เปิดศูนย์ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 

ทั้งนี้ ในเพจเฟซบุ๊กของกลุ่มผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าว ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำทะเบียนประวัติแรงงานที่ต้องนั่งรอคิวในศูนย์ OSS ยาวนาน 1-2 วัน เป็นผลจากการบริหารจัดการผิดพลาด เจ้าหน้าที่และเครื่องมือต่างๆ ไม่เพียงพอกับคนจำนวนมาก เอกสารที่ต้องใช้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ระยะเวลาแค่ 56 วัน น้อยเกินไปกับแรงงานเป็นล้านคนและต่างรู้สึกไม่พอใจที่ผู้บริหารกระทรวงให้สัมภาษณ์ถึงความล่าช้าว่าเป็นเพราะนายจ้างไม่รีบดำเนินการตั้งแต่เริ่มเปิดศูนย์วันที่ 5 ก.พ. แต่มาทำในช่วงท้ายคนจึงแออัด 

โดยนายจ้างแย้งว่า ตลอด 50 วันไม่ได้อยู่เฉย ต้องนำแรงงานวิ่งตรวจโรคจากโรงพยาบาลก่อนมาดำเนินการทำทะเบียนประวัติ ซึ่งกว่าจะได้ตรวจและผลตรวจออกต้องใช้เวลานาน แต่กระทรวงกลับมีการเปลี่ยนเงื่อนไขต่างๆ บ่อยจนวุ่นวาย เมื่อการจัดการมีปัญหา กลับพูดโยนให้นายจ้างเป็นคนผิด ทั้งที่ออกกฎเองแต่ทำงานไม่ทัน โดยเห็นว่า ผิดตั้งแต่ตีวีซ่าให้หมดพร้อมกัน วันที่ 31 มี.ค. 61