ศึกช่างกลนักเรียนนักเลงอาชีวะยังร้อนระอุไม่รู้จบ
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา คนร้ายสองคนขี่รถ จยย.ตามประกบยิงศีรษะ นายศิวกร สะอิ้งรัมย์ อายุ 19 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์ บางนา เสียชีวิต ขณะจอดรถ จยย.รอสัญญาณไฟบนถนนเสรีไทย ฝั่งขาออก ใกล้แยกนิด้า เขตบางกะปิ พื้นที่ สน.ลาดพร้าว
พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 ในขณะนั้น พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ภาสกร
รัตนปนัดดา ผกก.สน.ลาดพร้าว ร่วมประชุมวางแผนคลี่คลายปมคดีสะเทือนขวัญอุกอาจต่อสาธารณชน
กำชับฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ประกอบด้วย พ.ต.ท.ธีรยุทธ ใหม่แปง รอง ผกก. พ.ต.ท.ไอยรา อากาศวิภาต สว. พ.ต.ต.พนมกร ฟองแก้ว สว. ร.ต.อ.วีระพจน์ บุญยก รอง สว. ร.ต.ท.ชลิต ผ่องใส รอง สว. ร.ต.ท.อนันต์ ศรีเนตร รอง สว.นำกำลังตามหาเบาะแสคนร้าย ทั้งจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อม
ตั้งชนวนมรณะไว้ 2-3 เรื่อง แต่ไม่ทิ้งประเด็น ขัดแย้งระหว่างสถาบัน เนื่องจากมีพยานระบุเห็นคนร้ายตะโกนถามเหยื่อก่อนลงมือยิงว่า “มึงเรียนอยู่ที่ไหน”
ผ่านไปไม่ทันข้ามวัน ตำรวจสืบสวนชุดนี้สามารถตามรอยโชว์ผลงานชิ้นโบแดงจับผู้ต้องหาได้ครบทีม ปิดแฟ้มคดีได้อย่างรวดเร็ว
สอบสวนสารภาพว่า เป็นคู่อริต่างสถาบัน ใช้ปืนขู่เพื่อเอาหัวเข็ดขัด ทั้งที่ไม่เคยรู้จัก หรือมีเรื่องโกรธเคืองกันมาเลย แต่ปรากฏว่าปืนลั่นทำกระสุนเจาะทะลุเข้าหัวผู้ตาย
เรื่องราวโศกนาฏกรรมไม่ต่าง “สุสาน” นักเรียนนักเลงอาชีวะตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เพียงแค่ความคิดในทางที่ผิด ต้องการแสดงศักยภาพอวดให้บรรดาเพื่อนฝูงยอมรับ
สร้างความสูญเสีย โศกเศร้าแก่ครอบครัวเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บ่อยครั้งสถาบันการศึกษาต้นสังกัดกลับรู้เห็นเป็นใจ ไม่ยอมให้ความร่วมมือตำรวจด้วยการปิดบังข้อมูลประวัติลูกศิษย์ แทนที่จะคิดช่วยกัน “ตัดไฟ” ล้างพฤติกรรมนักเลง ห้าวเป้งอวดเก่ง
...
บางทีหน่วยงานรัฐอาจจำเป็นต้องใช้ยาแรงนำกฎหมายมาบังคับ “ปิดสถาบัน” อย่างจริงจังอีกครั้ง
เพื่อหยุดยั้งปัญหาเรื้อรังป้องกันการสูญเสียไปมากกว่านี้.
สหบาท