ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เผยถึงแนวทางแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดในช่วงโรงเรียนปิดเทอมว่าไม่น่าจะมีมาก เพราะปัจจุบันไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 16,000 ครอบครัว ผลผลิตน้ำนมดิบ 3,423.16 ตันต่อวัน น้ำนมดิบส่วนใหญ่ 90% ถูกส่งป้อนตลาดนมพาณิชย์ นมที่ป้อนเข้าสู่โครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนมีแค่ 10% เท่านั้นเอง

“แม้วันนี้ปริมาณน้ำนมในประเทศจะเพิ่มมากขึ้น แต่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-7% เท่านั้น ยังไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 10% กลุ่มผู้ประกอบการนมพร้อมดื่มยังต้องนำเข้านมผงขาดมันเนยจากต่างประเทศปีละ 57,000 ตัน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลง WTO จำนวน 55,000 ตัน และภายใต้ข้อตกลง FTA ไทย-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อีกปีละ 2,000 ตัน จะเห็นว่า ความต้องการน้ำนมดิบในบ้านเรายังไม่เพียงพอ ดังนั้นเกษตรกรไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหาปริมาณน้ำนมล้นตลาดเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะวันนี้การผลิตน้ำนมดิบของเกษตรกรไทยมีคุณภาพมากขึ้น ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมนมมีการส่งออกนมพร้อมดื่มจากไทยไปตลาดอาเซียนได้มากขึ้นเช่นกัน โดยมีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พม่า และในเดือนสิงหาคมนี้ มาเลเซียจะเป็นอีกประเทศที่เริ่มนำเข้านมจากไทยอีกด้วย”

...

ส่วนที่วิตกกันว่าช่วงปิดภาคเรียนปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า ทาง อ.ส.ค. และกรมปศุสัตว์ จะได้เชิญผู้ประกอบการสมาคมนม ยู.เอช.ที, สมาคมนมพาสเจอไรส์, สมาคมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและแปรรูปผลิตภัณฑ์นม, สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทยและชุมชนสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย (สอนท.) มาร่วมหารือในเรื่องการรวบรวมปริมาณน้ำนมดิบในประเทศก่อนปิดเทอม เพื่อจะได้ทำข้อตกลงระหว่างผู้ประกอบการให้ช่วยกันรับซื้อน้ำนมจากเกษตรกรโดยตรง เพื่อนำส่งตลาดนมพาณิชย์ที่มีน้ำนมดิบไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมนมพร้อมดื่ม และเพื่อเพิ่มปริมาณการดื่มของเด็กนักเรียน ทางโครงการนมโรงเรียนยังได้ปรับเปลี่ยนลวดลายบนกล่องบรรจุนมแบบใหม่ออกมาจูงใจให้เด็กดื่มนมมากขึ้น หลังจากที่ใช้กล่องแบบเดิมมานานหลายปี จนเด็กรู้สึกเบื่อ ส่งผลให้มีนมเหลือในสต๊อกของโรงเรียนเป็นจำนวนมาก.