“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!” คำที่หลายคนมักพูดติดปาก เพื่อห้ามใครที่คิดจะลองดี แต่...เดี๋ยวนี้โลกหมุนเวียนเปลี่ยนไปแล้ว คำพูดที่เคยติดปาก ก็อาจเปลี่ยนไปเป็น “ไม่เชื่อ...ต้องพิสูจน์”

ที่เชียงราย วานนี้ (18 พ.ค.) มีรายงานว่า พบน้ำผุดจากดินอย่างต่อเนื่องขึ้นกลางลานบ้านหลังหนึ่งใน จ.เชียงราย โดยเจ้าของบ้านดังกล่าวบอกว่า น้ำที่ผุดขึ้นมาเป็นน้ำใส ไม่มีกลิ่น หรือสี เมื่อลองขุดดินให้ลึกลงไป กลับไม่พบสิ่งใด มีเพียงน้ำใสๆ ที่ยังคงไหลออกมาจากตาน้ำอย่างต่อเนื่อง เพียง 20 นาที ก็ทำให้น้ำเต็มบ่อขนาดเล็กที่ขุดลงไป แล้วก็ไหลออกมาจนเจิ่งนองทั่วบริเวณลานบ้าน ทำให้ชาวบ้านต้องทำทางระบายน้ำชั่วคราว ทั้งนี้มีชาวบ้านบางกลุ่มที่มีความเชื่อว่าน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินคือ น้ำทิพย์ จะสามารถรักษาโรคได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะผู้สูงอายุได้พยายามขอตักน้ำดังกล่าวเพื่อนำไปดื่มกินกัน!?

อย่างไรก็ตาม ได้มีการร้องขอให้หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ..

เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ที่ผ่านมาเราเห็นข่าว “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” ผุดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ แล้วหลายครั้ง ก็ไม่พลาดที่เหล่าบรรดาคอหวย หมอผี จะด่วนจี๋ไปรณีย์จ๋า ไปจุดธูป เข้าทรงกันเห็นจนชินตา แต่เมื่อหน่วยงานราชการลงพื้นที่ตรวจสอบ นำน้ำไปเข้ากระบวนการวิทยาศาสตร์ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ค่อยโสภากันนัก เพราะน้ำตรงนั้นมักอุดมไปด้วยเชื้อโรคต่างๆ มากมาย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ จะรวบรวมมาให้ได้แฟนานุแฟนไทยรัฐได้รับชม

น้ำสีชมพูในบ่อวัดร้าง เชื่อศักดิ์สิทธิ์รักษาโรค หญิงอ้างเกจิเข้าร่าง

ที่วัดบ้านดอนเพกา หมู่ 9 ต.ขามเฒ่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา หลังทราบว่า ชาวบ้านพบบ่อน้ำประหลาด มีน้ำขังเป็นสีชมพูอมม่วง ลักษณะเป็นบ่อซีเมนต์เก่าแก่ รูปทรงคล้ายรูปหัวใจ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ลึก 60 เซนติเมตร มีน้ำขังอยู่ประมาณครึ่งบ่อ มีสีชมพูม่วงใส ไม่มีตะกอน และไม่มีกลิ่น ชาวบ้านเชื่อเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน

...

ชาวบ้านรายหนึ่ง อายุ 71 ปี กล่าวว่า วัดแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 2533 แต่เมื่อ 2 ปีก่อน มีสภาพเป็นวัดร้าง ไม่มีพระภิกษุจำวัด กระทั่งเมื่อ 3 เดือนก่อน มีชาวบ้านสังเกตเห็นบ่อน้ำเก่าภายในวัด มีน้ำขังเป็นสีชมพู และน้ำในบ่อไม่เคยแห้ง ต่างพากันแปลกใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร หลายคนนำขวดมาใส่น้ำไปดื่มกิน ล้างหน้าล้างตา เชื่อว่าช่วยรักษาโรค และอาการเจ็บป่วยได้

นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านบางส่วนก็ไม่พลาด จะนำธูปเทียนมากราบไหว้ บนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด จากนั้น...ก็มีหญิงนุ่งขาวห่มขาวมีอาการมือสั่น พูดเสียงดัง อ้างว่าเป็นร่างทรงของหลวงพ่อพรหมสร รอด พระเกจิชื่อดังในพื้นที่ ซึ่งมรณภาพไปแล้ว ผู้เคยสร้างวัดแห่งนี้ บอกว่า เป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ เนรมิตบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำในบ่อเป็นสีชมพู ให้ชาวบ้านนำไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จึงสร้างความฮือฮาแก่ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์

กระทั่งหน่วยงานราชการก็เข้ามา ซึ่งเป็น นายแพทย์สุวิทย์ โรจนศักดิ์โสธร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา บอกว่า ตรวจสอบแล้ว ลักษณะทางกายภาพ เป็นน้ำขุ่นขาว มีตะกอนสีม่วงแดง ซึ่งสีชมพูอมม่วงที่อยู่ในน้ำ ไม่ใช่สีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่น่าจะเกิดจากสีภายนอกที่เติมลงไป หรืออาจมีสารปนเปื้อนที่มีสีตกหล่นเข้าไปเจือปนในบ่อน้ำ จึงทำให้น้ำเป็นสีชมพู

“ตรวจพบเชื้อแบคทีเรียเจือปนอยู่ในน้ำ แต่ไม่พบค่าโลหะหนัก ซึ่งบ่งชี้ถึงความสกปรกที่ปนเปื้อนมาจากสิ่งขับถ่ายของมนุษย์และสัตว์ แสดงว่าน้ำในบ่ออาจมีเชื้อโรคบางชนิดแพร่กระจายปะปนอยู่ในแหล่งน้ำได้ เช่น บิด ไทฟอยด์ และอหิวาต์ ประชาชนจึงไม่ควรนำมาดื่มกิน..” ครับ

น้ำผุดกลางบ้าน เชื่อน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ อบต.ซัด งมงาย แค่น้ำรั่วจากประปาหมู่บ้าน

อีกแห่งต้องย้อนไปไกลหน่อย เมื่อปี พ.ศ.2545 เมื่อชาวบ้านคนหนึ่งไปพบน้ำที่ผุดออกมาจากดิน ที่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 11 บ้านโนนกระต่าย ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเจ้าของบ้านชื่อ นายแดง แก้วอินทร์ ทั้งนี้ หลังมีข่าวออกไปว่ามีน้ำผุดออกมา ทำให้ชาวบ้านได้แห่มาอาบและดื่มกิน เพราะเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

ต่อมา ชาวบ้านที่ดื่มกินน้ำดังกล่าว ก็เกิดอาการท้องร่วงไปเป็นแถบๆ จนทำให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์เข้าไปตรวจสอบ และพบว่าน้ำที่ผุดขึ้นมีเชื้อโรคแบคทีเรีย “แกรมลบ” ปนเปื้อนอยู่ปริมาณมาก แต่เมื่อมีประกาศเตือนไปแล้ว

นางมาลินี ปาทาน ประธานบริหาร อบต.วังชมภู กล่าวยืนยันว่า น้ำผุดเกิดจากน้ำรั่วจากประปาหมู่บ้าน ไม่ใช่น้ำทิพย์น้ำสวรรค์แต่อย่างใด แต่ชาวบ้านกลับงมงายนำไปดื่มกิน บางรายงมงายหนักถึงขั้นมาขอหวยกันในเวลากลางคืน หากยังเป็นเช่นนี้ อาจจะมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงประชาชน

...

ข่าวสุดท้าย ร้ายสุด น้ำผุดกลางสนามหญ้า แห่กราบ กิน สุดท้ายโอละพ่อ มันคือ....น้ำจากส้วม!


ข่าวนี้สะท้านวงการข่าว “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” เพราะคอข่าวส่วนใหญ่จำเรื่องราวครั้งนี้ได้ เหตุเกิดที่ จ.แพร่ กลุ่มชาวบ้านหมู่ 7 ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย จ.แพร่ และหมู่บ้านใกล้เคียงนับ 1,000 คน ได้แห่กันมาดูน้ำผุดจากดินที่เกิดขึ้นภายในรั้วของบ้านเลขที่ 69 หมู่ 7 ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย จ.แพร่

ชาวบ้านจำนวนมาก ต่างรุมล้อมเพื่อขอตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปบ้าน ในขณะที่น้ำใต้ดินก็ผุดขึ้นมาตลอดเวลา มีทั้งน้ำและฟองอากาศ เมื่อชาวบ้านร้องขอให้แสดงปาฏิหาริย์ให้ผุดฟองอากาศ บ่อน้ำขนาดเล็กก็สำแดงให้เห็นทันที

...

เรื่องร้อนๆ ไปถึงหน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ต้องมาตรวจสอบ เก็บตัวอย่างน้ำ ปรากฏว่าดินยุบ น้ำไม่ผุดขึ้นมา ทำให้เจ้าหน้าที่จึงต้องขอน้ำตัวอย่างจากชาวบ้าน

20 นาทีต่อมา น้ำก็ผุดขึ้นมาอีก....คราวนี้ชาวบ้านก็คิดเองเลยว่า เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่แพทย์สาธารณสุขมาเก็บตัวอย่าง

เรื่องนี้จึงต้องถึงมือ นายสุรินทร์ นิภาโยธิน กำนันตำบลแม่จั๊วะ ขอพิสูจน์ด้วยการนำลูกบ้านขุดดูเสียเลยว่าน้ำมันมาจากไหนกันแน่...ขุดไปขุดมา ปรากฏว่า นี่มันมาจากส้วมนี่ เพราะพบว่าเป็นท่อจากส้วมเก่าบ้านติดกัน ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 4 เมตรเท่านั้น...

เมื่อได้ความจริงแล้ว คนที่มากราบไหว้ และดื่มน้ำนั้นเข้าไปต่างมองหน้ากัน และ อาเจียนออกมาทันที!?

อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเตือนว่า โดยพื้นฐานน้ำที่ผุดมาจากพื้นดินโดยไม่รู้สาเหตุ เราก็ต้องระวังไว้ก่อน อย่างกรณีตามบ้านเรือน ที่เป็นไปได้มากเลย น้ำจะมาจากการแตกซึมของท่อน้ำที่อยู่ใต้ดิน บ่อส้วมซึม หรือ ท่อระบายน้ำที่อยู่ใต้ดิน ที่แน่ๆ เลย คือน้ำเหล่านี้ส่วนมากจะมีเชื้อโรค อีโคไล ซึ่งเชื้อตัวนี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากรับประทานเข้าไป จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย นอกจากนี้ จะมีสารเคมีอื่นปนเปื้อนเพิ่มอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาใช้เช็ดตามตัวด้วยซ้ำไป ดังนั้นก่อนจะรับประทานควรให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนว่าคืออะไร.