น้อยคนนักที่จะรู้ว่า“น่าน” เป็นอาณาจักรล้านนาโบราณจากพงศาวดาร “ราชวงศ์ภูคา” ก็มีอายุพอๆกับสุโขทัย และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในราชอาณาจักรไทยสมัยรัชกาลที่ 1 ประมาณ 230 ปีมาแล้ว

บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย หัวเรือใหญ่คนสำคัญปฏิบัติการ “รักษ์ป่าน่าน” เล่าให้ฟังว่าคนเมืองน่าน...

หลายร้อยปีมาแล้วใช้ชีวิตแบบธรรมดาสามัญ ขายของก็วางกองพื้น ผ่านมาถึงวันนี้วิถีชีวิตก็ยังไม่เปลี่ยน ยังเห็นภาพเหล่านั้นได้เช่นกัน

ไม่ได้มีพัฒนาอะไรเลย ติดอยู่แค่นี้...เป็นเรื่องดีของวัฒนธรรม ประเพณีที่ไม่สูญหาย แต่ปัญหามีว่าเมื่อกระแสโลกทุนนิยมไหลบ่าเข้าไปในเมืองน่าน “คนเมืองน่าน” ไม่น้อยก็สู้ไม่ไหว...กลายเป็นผู้แพ้ในระบบทุนนิยม

ทำอะไรไม่ได้เลย เลือกอะไรไม่ได้ ขายของก็ราคาต่ำ...ระบบทุนจะให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม ไม่ทำก็อดตาย ที่น่ากลัว...ก็คือโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินแบบไทยที่ใช้กันมานาน ไม่ทันกับความเป็นจริง กอดอยู่กับตำแหน่งของตัวเองอยู่อย่างนั้นไม่ได้ประสานงานกัน

“ต่างฝ่าย ต่างหน่วย ก็อยู่กันไป เกษตร ป่าไม้ ท่องเที่ยว อย่านึกว่าผู้ว่าฯจะเป็นคนที่ประสานนะ เป็นแค่คนนั่งหัวโต๊ะไม่ได้มีอำนาจในการจัดการในเชิงบูรณาการอะไรเลย ระบบมหาดไทยจะรู้กันเลยว่า แต่ละจังหวัดอยู่ระดับไหน....ความสำคัญน่านอยู่ปลายแถว”

บัณฑูรบอกว่า ทั้งที่จังหวัดน่านมีความสำคัญในการแก้ปัญหา แต่ระบบมหาดไทยไม่ได้พุ่งเป้าในการเหลียวแล...ความเป็นป่าต้นน้ำของประเทศไทย ไม่ทำให้สถานภาพเมืองน่านมีมากขึ้น

กรณีปัญหาเรื้อรังคนอยู่กับป่ามานานนับ สะท้อนชัดถึงความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ...ยิ่งจะไปมั่นหมายว่าใครผิด? คนนั้น...คนนี้ผิดคงไม่ใช่ จี้ผิดจุด แต่ควรย้อนไปดูตัวระบบว่าคนเหล่านั้นที่มาทำงานให้ชาติบ้านเมืองจนเกิดปัญหาในวันนี้...สร้างมาอย่างไร กลายเป็นการจัดการเฮงซวย?

...

เชื่อว่า...ท่านนายกฯประยุทธ์จะอยู่ยาวมากพอที่จะปฏิรูปประเทศ การแก้ปัญหาเมืองน่าน จึงเป็นความท้าทาย และมีโอกาสได้ยกประเด็นปัญหามาคุยกัน โชว์หราให้เห็นชัดเจนอย่างนี้แล้ว ขึ้นอยู่กับ “รัฐบาล” แล้วว่าจะ “กล้าทำ” หรือเปล่า ถ้าไม่แก้ในยุคที่มีการปฏิรูปประเทศเช่นนี้ก็คงแก้ได้ยาก

มิติปัญหารอบด้านไม่มีอะไรใหม่ที่จะเพิ่มเติม แต่อยู่ที่ฝั่งรัฐบาล ถ้าไม่ยอมแม้กระทั่งให้มีการจัดสรรที่ดินทำกินกันใหม่ ชาวบ้านก็คงจะผิดกฎหมายกันอยู่อย่างนี้ไปอีก

“ทุกวันนี้ก็ยังตัดไม้อยู่ ภาพถ่ายดาวเทียมก็ฟ้องอยู่ทุกวัน ราชการไทยใช้ประโยชน์จากดาวเทียมในการติดตามข้อมูลเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ความเป็นไปของความเสียหาย...ไม่มีเลย”

“รักษ์ป่าน่าน” กระตุกเรื่องนี้ขึ้นมา ดาวเทียมไทยโชตถ่ายข้อมูลมามีเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ออกมาให้รู้ ทางเทคนิคทำได้ ทำให้เห็นชัด แต่ปัญหาอยู่ที่ทางหัว...ระดับนโยบายไม่ได้นำพาเอาไปใช้คลี่คลาย แก้ปัญหา

ปล่อยให้เป็นตัวเลขที่ไม่มีใครมองเห็นจนกระทั่งถูกเปิดเผยกระพือขึ้นมา...สะท้อนให้เห็นว่าคนที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาไม่ได้มองโจทย์นี้อย่างมีความหมายเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน...มีรัฐบาลนี้ที่พยายามมา แต่ก็ทิ้งโจทย์สำคัญเอาไว้... “กล้า” ทำไหม

จังหวัด “น่าน” ต้องแก้ปัญหาแบบพิเศษ ขอให้มีทิศทางทางนโยบายไปแก้ปัญหาดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ด้วยเถิด บัณฑูร หัวเรือใหญ่ปฏิบัติการ “รักษ์ป่าน่าน” ตั้งจิตตภาวนาอย่างมีความหวัง บอกอีกว่า การขออะไรของคนเมืองน่านที่พิเศษ นายกฯต้องอย่ากลัวถูกต่อว่า ต้องกล้าชนกับปัญหาเพื่อเดินหน้าไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง...

อย่าฟังคนล้อมหน้าล้อมหลังที่บอกไม่ให้ทำด้วยสารพัดเหตุผลลดความเสี่ยง

วิธีเดิมๆ ระบบเดิมๆ...ราชการเป็นหมัน งบก็ไม่ค่อยมี เลยทำอะไรไม่ได้ทุกอย่างก็จบ กลายเป็นวังวนโซ่ตรวนคนน่านที่ผูกชีวิตอยู่กับผืนป่าต้นน้ำน่านอยู่อย่างนี้...แก้แบบเดิม วิธีแบบเดิมๆ ผ่านมาถึงวันนี้...พิสูจน์ชัดแล้วว่าแก้อะไรไม่ได้ ต้องเขียนกติกาขึ้นมาใหม่ทำให้เป็นพื้นที่พิเศษเป็นกรณีศึกษาในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน...เรื้อรัง

ทำให้โลกได้รู้ว่า “ทำดี” ไม่ต้องกลัวถูกด่า ก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าทำเมืองน่านให้ปลดล็อกจากปัญหานี้ได้ “ปฏิรูปประเทศไทย” ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

ต้องมีความกล้าที่จะทำก่อน แล้วพยายามหาหนทางไปให้ถึงจุดหมาย ให้เมืองน่านเป็นจังหวัดนำร่อง “ปฏิรูประบบราชการ” ที่ฝังรากลึกได้ ประเทศไทยก็จะเดินหน้าไปสู่การ “ปฏิรูปประเทศ” ได้เต็มระบบ

“รัฐบาลยุคนี้ทำไม่ได้ ไม่ได้ทำ รัฐบาลอื่นก็คงไม่ไหว...ไม่มีใครเดือดร้อน ก็เล่นเกมกันไประหว่างนักการเมืองกับข้าราชการ ปล่อยกันไปอย่างนี้ช่า...งแม่...ง มัน”

ระบบของประเทศไทยที่เละเทะ ฝังรากหยั่งลึก “การปฏิรูปประเทศ” ในระยะเวลาสั้นๆคงเป็นเรื่องที่ทำลำบาก สรุปง่ายๆ...ถ้าจะแก้ปัญหา นายกฯประยุทธ์ คงต้องอยู่ต่อ หรือ...จะหันกลับไปยังจุดเดิมๆ

เรารู้แล้วว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ไหน ไม่ทำงานกัน ถึงตรงนี้ บัณฑูร ไม่ได้บอกว่าจะแก้ปัญหาด้วยการ “ชวนมาปลูกป่า”...มีแต่ไร่ข้าวโพดเต็มไปหมด ทุกคนก็อยู่อย่างนี้ไม่ได้ไปไหน

แต่...ต้องแก้ปัญหาด้วยกลยุทธ์การบริหารที่ซับซ้อน...ระบบราชการที่ไม่คล่องตัว ก็ยิ่งสร้างปัญหานุงนัง

จังหวัดน่านด้วยถูกประกาศให้มีพื้นที่ป่าสงวนมาก จึงมีอุทยานแห่งชาติถึง 8 แห่ง ความเจริญที่เข้ามาในตัวเมืองน่าน ห้าง ร้านค้าสะดวกซื้อต่างๆที่ผุดขึ้นมา ก็ไม่ได้ช่วยให้ “คนน่าน” พ้นบ่วงกรรมที่ว่านี้

...

เข้าไปดูในร้านรวงห้างติดแอร์ก็มีแต่ของจากนอกพื้นที่ ไม่ได้เอาของในพื้นที่มาขายช่วยเฉพาะเรื่องซื้อง่ายขายคล่อง ท่องเที่ยว...พ่อค้า โรงแรมก็พอได้ แต่พอออกเดินทางไปนอกเมืองก็ไม่มีใครจับจ่ายแล้ว

ข้าวของชาวบ้านก็แบกับดิน ขายกันข้างทาง...วิถีชีวิตเวียนวนอยู่อย่างนั้น

น่านมีข้อดีสำคัญคือมาเฟียไม่มี ผู้นำชุมชนเข้มแข็ง พระ ครูดี...

เป็นศูนย์รวมชาวบ้าน ชุมชนคนเหล่านี้จะเอาป่ามาคืนได้เพราะโน้มน้าวชาวบ้านให้ยอมที่จะเดินตามกติกาได้

“รัฐ...ไม่สตาร์ตเครื่อง ชาวบ้านรออยู่แล้ว พร้อมเต็มที่ แต่ติดปัญหาตรงรัฐเท่านั้น...น่านโมเดล ห้องทดลองปฏิรูปไทย ปฏิรูปน่านได้ ปฏิรูปไทยก็มีเฮ...ทดลองก็คือจัดการอีกแบบหนึ่งเผื่อจะเป็นตัวอย่างต่อไปได้ นี่คือประเด็นการจัดการ และต้องเป็นห้องไอซียูไปในตัว ด้วยวิธีการประคบประหงม”

อะไรต่างๆเข้าไปให้เป็นของใหม่ ซึ่งหมายความว่าเขียนกติกากันไว้ให้ด้วย เช่น ห้ามคนนอกมาซื้อที่ดินทำกินของชาวบ้านที่ได้รับการจัดสรร ...ซื้อได้ ราคาก็พุ่งพรวด คนน่านก็จนทั้งชาติ ที่ดินไม่มี มีจำกัด ถ้าปล่อยให้เงินทะลักเข้ามาในพื้นที่ก็จบกัน พังหมด...วันนี้ป้ายประกาศขายที่ดินในจังหวัดน่านมีภาษาจีนแล้วนะ

ปัญหาคือเริ่มไม่ได้ จุดที่เริ่มต้นจริงๆ ถ้ารัฐบาลไม่ขยับ ข้างล่างก็ดิ้นกันไปมาๆ ขยับไม่ออกอยู่อย่างนี้ อีกทั้งความสามารถในการทำมาหากินของผู้คนก็ต่ำเหลือเกิน ทำเป็นแค่นี้...ไม่เคยได้รับการสนับสนุนให้ทำเป็นมากกว่านี้เลย...กองไฟสุมปัญหาคนอยู่กับป่าผิดกฎหมายเห็นอยู่ตรงหน้าแล้วนะครับท่านผู้นำ

ราชการไทยต้องทำงานกันแบบ...ผักชีไม่โรยหน้า แค่แจกสิทธิที่ดินทำกินในป่าสงวนเพียงไม่กี่รายให้นายกฯสร้างภาพฉาบฉวยเพียงแค่นั้น บางคนได้ บางคนที่ยืนอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้ เลือกปฏิบัติแบบ...“ต้มนาย ขายฝัน”

...

โครงสร้างใหม่...คนทำงานเดิมๆอาจจะไม่รอด ไม่พ้นบ่วงวังวนเดิมๆ ต้องยกเครื่องใหม่ทั้งระบบ โครงสร้างใหม่...คนใหม่ได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ “น่านโมเดล” ทำให้เป็นกรณีพิเศษ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางรอด.