นายมนตรี ศิริพงษ์สกุล ผู้ประกอบการที่พักและร้านกาแฟดอยผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เผยว่า ป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยวชนิดสีฟ้าที่ติดบอกระยะเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านปางหัด-จุดชมวิวดอยผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น ใช้คำเรียกผิดและระยะทางก็ไม่ตรง ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเกิดความสับสน อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่นำไปติดตั้งช่วยแก้ไข เคยแจ้งกรมทางหลวงที่รับผิดชอบ แต่ก็ได้คำตอบว่าเป็นป้ายของ ททท.นำมาติดตั้งไว้

นายมนตรีกล่าวว่า ป้ายดังกล่าวติดตั้งมาหลายปี และเคยทำหนังสือทักท้วงเรื่องชื่อสถานที่ผิดในคำว่า “ดอยผาบ่อง” ที่ถูกต้องคือ “ดอยผาตั้ง” ส่วนผาบ่อง คือช่องเขาบนจุดชมวิวที่เป็นประตูสำหรับผ่านไปมาของประชาชนสองประเทศคือไทย-สปป.ลาวในสมัยก่อน อีกป้ายหนึ่งก็สะกดตัวภาษาอังกฤษผิด เช่น “Wiang Kaen” เวียงแก่น แต่สะกดเป็น “Wiang Kaem” และคำว่า “Thoeng” เทิง แต่สะกดเป็น “Thoen” เป็นป้ายที่ติดตั้งอยู่ในที่ไม่ห่างกัน คือที่จุดบ้านท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เป็นป้ายที่ใช้บอกเส้นทาง แต่ป้ายชุดนี้เป็นของกรมทางหลวง ตนได้แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบแล้ว และหน่วยงานรับปากจะเร่งแก้ไขให้โดยเร็วนี้

ต่อมาเมื่อสายวันที่ 4 มี.ค. นายนัทธพงศ์ ไชป้อ หน.หมวดทางหลวงเวียงแก่น แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 สำนักทางหลวงที่ 2 (แพร่) เผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากทราบข้อมูล ตนพร้อม จนท.ได้ออกตรวจสอบจุดที่ตั้งป้ายทั้งสองแห่งตามที่เป็นข่าว พบว่าป้ายแรกเป็นป้ายสีฟ้าที่บอกชื่อบ้านดอยผาตั้งผิดเป็นดอยผาบ่อง และระยะทางผิด ช่วง กม.0+700 ตั้งอยู่ที่ทางแยกบ้านปางหัด ต.ปอ อ.เวียงแก่น เพื่อไปยังดอยผาตั้งแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งพบว่าเป็นป้ายของทางหลวงชนบท ชร.4029 เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแล ส่วนป้ายที่สะกดภาษาอังกฤษผิด Wiang Kaem (เวียงแก่น) Thoen (เทิง) ที่ติดตั้งอยู่ที่ กม.0+250 ทางลงมาจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง ต.ท่าข้าม ต.ปอ อ.เวียงแก่น เป็นป้ายทางหลวงชนบท ชร.4061

...

นายนัทธพงศ์เผยต่ออีกว่า จากการตรวจสอบทราบว่าป้ายทั้งสองแห่งนี้ได้รับการรับรองและตรวจสอบจากสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 10 เชียงใหม่ กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม แต่ก่อนหน้านี้หนึ่งวันผู้ร้องได้แจ้งด้วยวาจากับตนให้ตรวจสอบ และตนก็พร้อมจะเดินทางไปตรวจสอบให้ตามคำขอ และฝากแจ้งประชาชนในพื้นที่ หากพบสิ่งผิดปกติให้ประสานมายังที่ทำการหมวดทางหลวงเวียงแก่น ที่บ้านขวาก ต.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย.

(ภาพจาก : นายมนตรี ศิริพงษ์สกุล)