ศาลตัดสินเลย คดีกิมเอ็งกับพวกรวม 4 คน หมิ่นเบื้องสูง ฉ้อโกง เนื่องจากจำเลยที่ 1 และ 4 รับสารภาพ ให้จำคุกกิมเอ็ง ทุกกระทงความผิด รวมแล้ว 150 ปี แต่ติดคุกจริง 50 ปี ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คน สู้คดี แยกฟ้องภายใน 7 วัน...
วันที่ 18 พ.ย. ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.3766/2559 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นางกมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร หรือ นางกิมเอ็ง อายุ 62 ปี พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ ธนธรณ์โฆษิตจิร อายุ 68 ปี นายถาวร พวงประทุม อายุ 66 ปี และ นายศักดิ์ สิริยาคม อายุ 50 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ, ร่วมกันฉ้อโกงปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
คดีนี้ อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2559 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ย.2553 - 16 มี.ค.2557 จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันหลอกลวงบริษัท ฮุ่ยเหลียง สกรีน พริ้นติ้ง จำกัด โดยมี น.ส.นิธิกุล ทวีโชติธนกุล กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ผู้เสียหายที่ 1, นางอรวรรณ กงกุล ผู้เสียหายที่ 2, นายธีระ ตัณฑรังสี ผู้เสียหายที่ 3 และ น.ส.ขวัญเรือน อินทร์เขียว ผู้เสียหายที่ 4 หลายครั้ง หลายหน ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จอ้างว่า ถ้าหากทำบุญกับเบื้องสูงจะได้บุญมากกว่าการทำบุญด้วยวิธีการอื่นๆ โดยเฉพาะผลไม้ เมื่อเอาผลไม้เข้าไปถวายแล้ว ท่านจะนำผลไม้ส่วนหนึ่งไปทำบุญกับพระสมเด็จ (พระราชาคณะชั้นสมเด็จขึ้นไป) ตามวัดต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปแจกให้กับเบื้องสูง
นอกจากนี้ จำเลยยังหลอกลวงว่า จะช่วยวิ่งเต้นให้เพื่อนของผู้เสียหายที่ 1 ได้รับงบประมาณขุดลอกคูคลองทางภาคอีสานจากหน่วยงานราชการ และอ้างว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรบุญธรรมของคุณหญิงท่านหนึ่ง ให้ผู้เสียหายที่ 1 เอาเงินไปซื้อแหวนเพชรและเอาเงินสดไปดูแลและรับรองคุณหญิงคนดังกล่าว รวมทั้งยังได้หลอกลวง ผู้เสียหายที่ 1 และผู้เสียหายอื่นหลายครั้ง เช่น การจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้แก่ จำเลยที่ 1 ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วอ้างประกาศต่อหน้าผู้มาร่วมงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังนำของขวัญมามอบให้
...
ยังมีเรื่องที่พวกจำเลยหลอกลวงให้ร่วมทำบุญทอดกฐินพระราชทาน รวมทั้งให้ตัดเสื้อผ้าจำนวนหลายชุด อ้างว่าจะนำไปสวมใส่ในงานกฐินพระราชทานที่วัดในจังหวัดสมุทรสาคร และจำเลยที่ 1 ยังได้ปลอมหนังสือของสำนักราชเลขาธิการด้วย รวมเงินที่พวกจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 5,140,880 บาท โจทก์จึงขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมาย และขอให้ศาลสั่งพวกจำเลย คืนเงินหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายจำนวนดังกล่าวด้วย
ศาลได้สอบคำให้การจำเลยแล้วปรากฏว่า จำเลยที่ 1 และ 4 สารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี โดยให้แยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 ภายใน 7 วัน ตามกฎหมาย ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 4 กระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ดังนี้
ฐานดูหมิ่นเบื้องสูง 5 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็น 10 ปี ฐานฉ้อโกง 2 กระทง กระทงละ 7 ปี เป็น 14 ปี และฐานฉ้อโกง และฐานหมิ่นประมาทเบื้องสูงอีก 24 กระทง กระทงละ 5 ปี เป็นจำคุกคนละ 120 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 144 ปี นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมอีก 2 กระทง กระทงละ 3 ปี เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 150 ปี
ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 144 ปี คำรับเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 75 ปี ส่วนจำเลยที่ 4 จำคุก 72 ปี อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายบัญญัติไว้ให้จำคุกได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 50 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายตามฟ้องด้วย.