จากกรณีนายทุนอิทธิพลอ้างมีเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เข้าไปครอบครองแผ้วถางป่าโกงกาง และถมดินปลูกสร้างบ้านหลังใหญ่ ในป่าชายเลนเนื้อที่ 17 ไร่เศษ บริเวณอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะชุมพร ซึ่งสร้างความกังขาให้แก่สาธารณชนทั่วไป เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่มีใครได้ เอกสารสิทธิครอบครองแม้แต่รายเดียว ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบางใหญ่ อ่าวทุ่งคาสวี และกลุ่ม ชาวประมงพื้นบ้านเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ชุมพร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจ ภูมิภาค “ไทยรัฐ” รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา นายวิษณุ เซียงเจ็น รองประธาน กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบางใหญ่อ่าวทุ่งคา-สวี พร้อมด้วย กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน หมู่ 4 ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ได้เดินทางไปที่มณฑลทหารบกที่ 44 ค่าย เขตอุดมศักดิ์จังหวัดชุมพร เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 แต่เนื่องจาก ผบ.มทบ.44 ติดราชการที่ จ.ระนอง จึงได้ยื่นหนังสือไว้กับ ร.ต.สมบัติ นิลสังข์ นายทหารชำนาญงาน (นชง.) ช่วยราชการฝ่ายกิจการพลเรือน มทบ.44

นายวิษณุเปิดเผยว่า ได้เข้ายื่น หนังสือร้องเรียนพร้อมนำเอกสารหลักฐานเพื่อให้ฝ่ายทหารเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลนบ้านบางใหญ่ หมู่ 4 ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรใหม่อีกครั้งว่า ทำไมนายทุนรายนี้ถึงได้มีสิทธิครอบครองที่ดินป่าชายเลน เหตุให้รัฐบาลไม่ยึดกลับคืนมาเป็นสมบัติของชาติ ทั้งๆที่สภาพความเป็นจริงแต่เดิมเป็นป่าชายเลนแท้ๆ มีต้นโกงกางที่ชาวบ้านช่วยกันปลูกและมีป่าโกงกางที่ขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่อย่างหนาแน่นและไม่มีชาวบ้านรายใดมีเอกสารสิทธิ แม้แต่รายเดียว ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่ 4 ต.ทุ่งคา ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าพื้นที่บริเวณนี้ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เพราะน้ำทะเล ท่วมถึง มีเพียงบ้านของกลุ่มชาวประมงเท่านั้นที่อาศัยอยู่ริมคลองทุ่งคา แต่จู่ๆมีเอกชนเจ้าของร้านอาหารใช้รถแบ็กโฮเข้าไปปรับไถพื้นที่ป่าโกงกางและถมดินสร้างบ้านหลังใหญ่ 2 หลัง ทั้งยังเอาต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกแซมในป่าโกงกาง มีการกานต้นไม้ใหญ่ให้ยืนต้นตายอีกด้วย

...

นายวิษณุเปิดเผยอีกว่า ทางกลุ่มอนุรักษ์และชาวบ้าน หมู่ 4 ต.ทุ่งคา เชื่อมั่นในการตรวจสอบของ จนท. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรและสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ที่ลงความเห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อน และ น.ส.3 ที่ออกมาก็ไม่ตรงกับแบบแจ้งครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) สมควรแจ้งให้ผู้มีอำนาจ (อธิบดีกรมที่ดิน) เพิกถอน น.ส.3 ฉบับดังกล่าว แต่ทราบว่าทาง สนง. ที่ดินจังหวัดชุมพร มีความเห็นแย้งว่าที่ดินแปลงนี้น่าจะ มีการทำประโยชน์มาก่อน ทำให้ตนเองและชาวบ้านรู้สึกแปลกใจ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทหารลงไปตรวจสอบ พื้นที่จริง “มันมีอะไรหมกเม็ดอยู่ ทำไมเรื่องนี้ถึงล่าช้า และยังหาข้อสรุปไม่ได้ จะเพิกถอนหรือไม่เพิกถอนก็ว่ามา ไปยื่นขอออกโฉนดกับ สนง.ที่จังหวัดชุมพรแล้ว แต่ทำไมต้องไปขอยกเลิกและมีการทุบทำลายหลักหมุด ที่ปักอยู่ในคลองทุ่งคาทำไม ถ้าคิดว่าตัวเองมี น.ส.3 ถูกต้อง ที่สำคัญทำไมคูน้ำบางตะบูน ถึงสลับสับเปลี่ยน ไปมาได้ นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านสงสัยมาโดยตลอด”

ทางด้าน ร.ต.สมบัติ นิลสังข์ นชง.มทบ.44 กล่าวหลังจากรับหนังสือร้องเรียนว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงจะเสนอนำเรียนให้ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบก.มทบ.44 รับทราบตามขั้นตอนและต่อไปจะมี หนังสือเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง เรื่องนี้ต้องว่ากันไป ตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปโดยเร็วอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามผู้เกี่ยวข้องแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.