พระราชพิธีออกพระเมรุ เนืองแน่นกราบสักการะ
สำนักพระราชวังคัดเลือกไม้จันทน์หอม จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวม 4 ต้น ใช้ในงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เตรียมบวงสรวง 14 พ.ย. นายกฯเผยต่างชาติยกย่อง “ศาสตร์พระราชา” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นคุณูปการใหญ่หลวงแก่มวลมนุษยชาติ นำมาซึ่งการอยู่ดีมีสุขของพสกนิกรชาวไทยและแนวทาง ความคิดและปรัชญาในการพัฒนาที่ยั่งยืน ผบ.ทบ.ตรวจ กอร.รส. ย้ำกำลังพลสร้างจุดสมดุล ไม่กดดันประชาชน แจกอาหารคนรายได้น้อยถือว่าเป็นการทำบุญ หนุนไอเดียตั้งโรงทานแจกของผู้ยากไร้ วอนประชาชนช่วยสังเกตคนโรคจิตที่แฝงตัว เผยเคยเข้าไปถวายสักการะ ดีที่ราชองครักษ์เห็นผิดสังเกตกันตัวออกมาได้ทันท่วงที พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศยังแสดงความอาลัย จัดกิจกรรมแปรอักษรรัชกาลที่ 9 ในหลายจังหวัด อคส.ช่วยชาวนาซื้อข้าวหอมมะลิ 7.8 แสนกิโล แจกประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. นับเป็นวันที่ 7 ที่สำนักพระราชวังเปิดให้มีการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ที่ยังมีพสกนิกรจากทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยและถวายบังคมพระบรมศพกันอย่างไม่ขาดสาย นับวันก็ยิ่งมีผู้เดินทางเข้ามามากขึ้น
ทุกหัวใจมุ่งสู่พระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเดินทางเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดทั้งวัน พสกนิกรไทยของในหลวงรัชกาลที่ 9 จากทั่วทุกจังหวัดของประเทศ ที่มีหัวใจเดียวกัน คือหัวใจแห่งความรักความอาลัยและความจงรักภักดี แม้ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว ได้เข้าน้อมกายถวายบังคมสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ แล้วรับภาพพระบรมโกศพระบรมศพ นำกลับไปเก็บเป็นที่ระลึกและบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์
...
สำนักพระราชวังแจกน้ำดื่ม-ผ้าเย็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่พสกนิกรที่เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ จะพ้นประตูพระบรมมหาราชวัง สู่ถนนหน้าพระลาน สำนักพระราชวังยังได้นำน้ำดื่มพระราชทาน น้ำสมุนไพรพระราชทาน มาแจกจ่ายให้ประชาชนได้ดื่ม พร้อมจัดผ้าเย็นเช็ดหน้าคลายความร้อน ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก็นำข้าวเปลือกบรรจุถุง ที่มีข้อความว่า “พอเพียง” มาให้ประชาชน นำกลับไประลึกถึงหลักปรัชญาอันสำคัญที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ให้แก่ปวงชนชาวไทยมาช้านาน
พระเทพฯเสด็จบำเพ็ญพระกุศลเช้า
ต่อมาเวลา 07.19 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ และ คุณพลอยไพลิน เจนเซน พระธิดาองค์โตในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรม ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราช กุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ดำเนินเป็นวันที่ 22 ต่อมาเวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
อัญเชิญ “เทวดาเชิญแว่นแก้ว”
ขณะเดียวกัน ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช การนี้ สำนักพระราชวังได้อัญเชิญ “เทวดาเชิญแว่นแก้ว” รูปหุ่นเทวดานั่งคุกเข่าพระหัตถ์ถือแว่นแก้ว มาเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ ซึ่งใช้เป็นเสารับพระภูษาโยง จากพระบรมโกศมายังพระสงฆ์สดับปกรณ์ มาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จากพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ มาประกอบพระราชอิสริยยศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพด้วย
แว่นแก้วเชื่อมโลกมนุษย์–สวรรค์
ทั้งนี้ “เทวดาเชิญแว่นแก้ว” เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ ตามคติความเชื่อของไทยเรื่อง “เทวราชา” ที่เชื่อกันว่า พระเจ้าแผ่นดินเป็นสมมติเทพดังพระอินทร์ ผู้เป็นเทพผู้พิทักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีแว่นฟ้าไว้รับรู้เรื่องราวของโลก การที่อัญเชิญพระบรมโกศพระบรมศพประดิษฐานเหนือพระแท่นแว่นฟ้า เปรียบดังการเชิญพระมหากษัตริย์สู่สวรรคาลัย จึงต้อง มี “แว่นแก้ว” ไว้เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์
นทท.ซึ้งคนไทยเข้าแถวกราบพระบรมศพ
อย่างไรก็ตาม แม้ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวไทยจะผ่านมา 23 วัน แต่การเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพของประชาชนทุกหมู่เหล่าไม่ได้ลดน้อยลงจากวันแรก สำนักพระราชวังจึงนำเชือกสีแดงมากั้นตั้งแต่หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมารยาวไปถึงหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อให้แถวของประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพเป็นระเบียบไม่ปะปนไปรวมกับแถวของนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่มาช่วยอธิบายทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวที่มาชมพระบรมมหาราชวัง ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจากนานาชาติ เมื่อได้เห็นแถวของประชาชนคนไทยที่ตั้งใจยืนอย่างอดทนไม่กลัวแสงแดดที่ร้อนจัดแรงจ้า รอขึ้นถวายสักการะพระบรมศพของในหลวง หลายคนถึงกับนำกล้องมาบันทึกภาพความทรงจำอันน่าตื่นตาตื่นใจครั้งนี้ เก็บไว้บอกเล่าผู้คนได้ทราบถึงความรักของคนไทยที่มีต่อสถาบันสูงสุด
จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ครั้งใหญ่
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 4 พ.ย. สำนักพระราชวังมีการตระเตรียมสถานที่รองรับกิจกรรมใหญ่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่มีขึ้นในเวลา 16.00 น. วันเสาร์ที่ 5 พ.ย. โดยมหาเถรสมาคมได้ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ครั้งใหญ่ ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและมหาเถรสมาคม ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวังให้ใช้สถานที่ในการจัดพิธีสวดมนต์ครั้งนี้ ซึ่งมีความพิเศษจากที่เคยจัด เนื่องจากปกติจะใช้ชื่อพิธีว่า “เจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายพระพรชัยมงคล และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ที่มีการจัดทำทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน
...
ถวายเป็นพระราชกุศล “ในหลวง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แต่ในครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้เหมาะสมกับงานพระราชพิธีที่ดำเนินอยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จึงใช้ชื่องานว่า “พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช” โดยเปลี่ยนมาใช้บทสวดสำหรับงานพิธีอวมงคล มีทั้งสิ้น 16 บท สำนักงานพระพุทธศาสนา เตรียมหนังสือบทสวดมนต์ไว้แจกจ่ายประชาชน เพิ่มจากเดิม 1,000 เล่ม เป็น 5,000 เล่ม เนื่องจากคาดว่าจะมีพสกนิกรมาร่วมจำนวนมาก
พระสงฆ์ 500 รูป ร่วมพิธี
นอกจากนี้ สำนักพระราชวังยังได้ปิดพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ยุติการให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยขึ้นสักการะพระแก้วมรกต ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 4 พ.ย. ตระเตรียมสถานที่รองรับพระเถรานุเถระในเขต กทม. ที่เดินทางมาร่วมพิธีประมาณ 500 รูป ประกอบไปด้วย กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะฝ่ายปกครองในระดับต่างๆ ทั้งฝ่ายธรรมยุต และมหานิกาย แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถชมความงดงามของวัดพระแก้วนอกพระอุโบสถได้ตามปกติ และในเวลาประมาณ 16.00 น. ได้ยุติการให้ประชาชน เข้าถวายสักการะพระบรมศพทางประตูมณีนพรัตน์ ปรับให้ไปเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ส่วนนักท่องเที่ยว ยุติการเที่ยวชมภายในบริเวณวัดพระแก้ว แล้วปรับให้เข้าชมภายในพระบรมมหาราชวังแทน
จัดที่สำรองให้พระสงฆ์ร่วมสวด
สำหรับพื้นที่ที่จะเปิดให้พระสงฆ์และประชาชน มาร่วมในพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ที่สำนักพระราชวังตระเตรียมไว้ ประกอบด้วย บริเวณภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นสถานที่นั่งสวดมนต์ของพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ ไปจนถึงเจ้าคณะปกครอง และพระสงฆ์จากวัดต่างๆ รองรับได้ราว 500 รูป ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นพื้นที่สำรองไว้ให้สำหรับพระสงฆ์ ที่ร่วมในพิธีสวดมนต์แต่ไม่สามารถเข้ามาในพระอุโบสถรองรับได้อีกราว 100 รูป
...
ส่วนประชาชนจัด 5 จุดรอบวัด
ส่วนประชาชนทั่วไป สำนักพระราชวังจัดไว้ให้ 5 จุด คือ 1. เก้าอี้นั่งบริเวณหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นกลุ่มของแขกวีไอพี 2. บริเวณรอบกำแพงแก้วของพระอุโบสถ 3. บนศาลาราย 12 จุดที่อยู่รอบวัด 4. บริเวณพระระเบียงคตชั้นที่ 1 ที่ทอดยาวรอบพระอุโบสถ มีการเตรียมเสื่อมาปูไว้ให้ประชาชนนั่ง เพื่อไม่ให้ปะปนกับประชาชน ที่ต่อแถวเข้าสักการะพระบรมศพ บนพระระเบียงคตชั้นที่ 2 และ 5. หากปริมาณประชาชนล้นจากพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ ยังสามารถปูเสื่อให้นั่งได้บนพื้นรอบพระอุโบสถ ส่วนลานกว้างบริเวณประตูมณีนพรัตน์ กับประตูทางเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เตรียมไว้สำหรับให้รถของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ได้จอดเทียบ เพื่อเดินทางเข้าสู่มณฑลพิธี
เตรียมวางผังสร้างพระเมรุมาศ
อีกด้านที่ท้องสนามหลวงในเวลา 08.30 น. วันเดียวกัน ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ พร้อมด้วยนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นางโสมสุดา ลียะวณิช อดีตอธิบดีกรมศิลปากร และคณะเจ้าหน้าที่สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ลงพื้นที่ท้องสนามหลวง บริเวณด้านทิศใต้ศึกษาแผนผังการจัดสร้างพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนายอนันต์กล่าวว่า กรมศิลปากรได้เข้ามาสำรวจพื้นที่จริงก่อนที่จะมีการจัดสร้างพระเมรุมาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนเตรียมความพร้อมของคณะทำงาน แต่ยังไม่ได้มีการรังวัด หรือเข้าไปดำเนินการใดๆ เนื่องจากต้องรอให้ กรุงเทพมหานครเคลียร์พื้นที่รอบสนามหลวงให้เสร็จเรียบร้อย แต่ขณะนี้ได้มีการเตรียมการทั้งบุคลากร การกำหนดแบบแผน แบ่งหน้าที่ในการจัดสร้างพระเมรุมาศไว้หมดแล้ว
เลือกไม้จันทน์หอมกุยบุรีในพระราชพิธี
ขณะที่นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายจำลอง ยิ่งนึก ผู้อำนวยการกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง นายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้างานโหรพราหมณ์ นายสมชาย บำรุงทรัพย์ รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้แทนกรมป่าไม้ นายอำเภอกุยบุรี ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง มาสำรวจและคัดเลือกไม้จันทน์หอมที่จะใช้ในงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีไม้จันทน์หอมขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก อุทยานฯได้จัดเตรียมไม้จันทน์หอม ที่จะใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพไว้ 19 ต้น ให้คณะผู้แทนจากสำนักพระราชวังคัดเลือก หลังจากคณะเข้าไปสำรวจแล้วได้คัดเลือกไว้ 4 ต้น คือลำดับที่ 11 12 14 และ 15 และได้กำหนดพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม ในวันที่ 14 พ.ย. ใช้ฤกษ์เวลา 14.09-14.39 น.
...
ปชช.พอใจ กอร.รส.ดูแลดี
ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผอ.กอร.รส. กล่าวถึงการดูแลพื้นที่รอบพระบรมมหาราชวังและสนามหลวง ว่า ภาพรวมเรียบร้อยดี ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ทหารและตำรวจร่วมกันดูแลประชาชน ตั้งแต่เดินทางมาถึงจนส่งกลับบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ท่าเรือและท่ารถ เพราะมีข่าวว่าอาจมีมิจฉาชีพเข้ามากรีดกระเป๋าแฝงมากับคนหมู่มาก ขณะนี้ กอร.รส.ระบบทุกอย่างเริ่มเข้าที่เรียบร้อยมากขึ้น เสียงตอบรับจากประชาชนทั่วไปพึงพอใจการทำงาน
คนเร่ร่อนแห่ตุนอาหารวันละหมื่นคน
พล.ท.อภิรัชต์กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาที่พบขณะนี้คือ มีคนเร่ร่อน เข้ามาตุนอาหารวันละประมาณ 12,000 คน ได้ขอความร่วมมือกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต่อไป กทม.จะจัดเวลาแจกจ่ายอาหารใหม่ให้มีความชัดเจน พร้อมกับต้องแยกกลุ่มจิตอาสาให้ชัดเจน เช่น อาจมีการแบ่งเต็นท์โรงทาน ส่วนมาตรการสแกนบุคคลนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสแกนบุคคลด้วยสายตา มีกล้องวงจรปิดจับภาพตลอด หากพบความผิดปกติเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการทันที
เตือนผู้บริจาคอาหารต้องปรุงให้สดใหม่
ที่เต็นท์ศูนย์ประสานงานโรงพยาบาลสนามกองทัพบก ซึ่งมีแพทย์และพยาบาลคอยดูแลประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย พ.อ.ธีรศักดิ์ กฤษณะเศรณี นายทหารเวรศูนย์ประสานงาน รพ.สนามกองทัพบก เผยว่า ประชาชนเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 คน โดยเฉพาะวันหยุดราชการตกราววันละ 300 คน มีผู้ป่วยที่ต้องนำส่งโรงพยาบาลวันละ 3-4 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ส่วนอาการท้องเสีย มีตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. ถึงขณะนี้จำนวน 20 ราย ดังนั้น ประชาชนที่จะนำอาหารมาบริจาค ควรจะต้องเป็นอาหารที่ปรุงมาสดใหม่ คนที่รับประทานควรสังเกตอาหารหากผิดปกติไม่ควรรับประทาน สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ ประชาชนที่มีโรคประจำตัวและคนชรา ที่จะเข้ามากราบสักการะพระบรมศพ ควรมีผู้ติดตามและยาประจำตัวมาด้วย
ม.เอเชียแจกพระบรมฉายาลักษณ์
นอกจากนี้ ยังมีนายฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ นายเสริมสิน สมะลาภา นายกสภามหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ คณะผู้บริหารและนักศึกษา มาตั้งเต็นท์แจกโปสการ์ดปกแข็งพิมพ์รูปพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช 9 ภาพ จำนวน 2,200 ฉบับ ให้แก่ประชาชน บริเวณสนามหลวงฝั่งหน้ามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ นายฉัททวุฒิกล่าวว่า พิมพ์โปสการ์ดปกแข็งพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 100,000 ฉบับ อย่างประณีตเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ รวมทั้งมีพระบรมราโชวาทต่างๆ ติดอยู่ข้างหลัง พระบรมฉายาลักษณ์ด้วย โดยจะนำโปสการ์ดมาแจกให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะทุกวันจนกว่าจะหมด
คนไทยจากออสซี่กลับบ้านกราบพ่อ
วันเดียวกันมีนางเพชรวิไล เบอร์จ คนไทยจากเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ที่มาเข้าคิวรอถวายสักการะพระบรมศพ กล่าวว่า ตอนแรกวางแผนไว้เดือนธันวาคมว่า จะพาครอบครัวเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย แต่เมื่อทราบว่านางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผอ.ททท.สำนักงานซิดนีย์ จัดโครงการ “กลับบ้านกราบพ่อ” จึงตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินสายการบินไทย เดินทางมาคนเดียวเพียงลำพัง ตั้งใจอย่างแรงกล้า เพราะในชีวิตไม่เคยเห็นในหลวง พอไปถึงสนามหลวงช่วงเย็นรอเข้าคิวประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ได้ขึ้นไปบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตอนก้มกราบพระบรมโกศ รู้สึกเป็นบุญของชีวิตที่มีโอกาสมากราบพระองค์ท่าน หลังออกจากพระบรมมหาราชวัง ได้เดินถ่ายภาพบรรยากาศอัพขึ้นเฟซบุ๊ก ปรากฏมีเพื่อนชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก เข้ามาสอบถามรายละเอียดและแสดงความจำนงอยากเดินทางมา
กราบสักการะพระบรมศพร่วมกับพี่น้องชาวไทย
เผยองค์โสมฯยืนทอดไก่นานสุด 7 ชม.
เวลา 14.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เสด็จยังรถโรงครัวเคลื่อนที่ “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน” ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก บริเวณหน้ากรมศิลปากร ทรงทอดไก่ประทานแจกจ่ายพร้อมข้าวเหนียวให้กับผู้ที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ และในขณะที่กำลังประกอบอาหารบนโรงครัวรถหน่วยเคลื่อนที่นั้น ทรงเห็นชายไทย อายุประมาณ 30-40 ปี ที่มาต่อแถวด้านหน้ามีอาการคล้ายคนอ่อนเพลียหน้ามืด จึงรับสั่งข้าราชบริพารไปจัดหาเก้าอี้มาให้นั่ง จากนั้นทรงหยิบพิมเสนและยาหอม ให้ข้าราชบริพารไปประทานให้พร้อมข้าวเหนียวไก่ทอด ความเมตตาที่ทรงมีครั้งนี้ ทำให้ชายดังกล่าว ถึงกับก้มลงกราบก่อนจะนั่งทานข้าวเหนียวไก่ทอดและน้ำตาไหลไปด้วยความซาบซึ้ง ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.ที่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก มาตั้งหน่วยเคลื่อนที่แจกจ่ายอาหารให้ประชาชน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระ องค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จส่วนพระองค์มาประกอบอาหารแจกประชาชน รวม 11 ครั้ง ในวันที่ 22 ต.ค. ทรงตรากตรำพระวรกายยืนทอดไก่แจกพสกนิกร นานที่สุดถึง 7 ชั่วโมง
ผบ.ตร.ตรวจความปลอดภัยท่าเรือ
ที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจน้ำ ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงบ่าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมคณะ มาตรวจความเรียบร้อยที่เต็นท์ ศปก.กองบังคับการตำรวจน้ำ สังกัด บช.ก. พร้อมลงเรือออกตรวจท่าน้ำต่างๆ ที่ประชาชนใช้บริการเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มาตรวจความปลอดภัยท่าน้ำ อาทิ ท่าราชวงศ์ ท่าพระจันทร์ ท่าพรานนก ดูว่ามีประชาชนมาใช้บริการมากน้อยเพียงใด ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้นเข้มงวดอยู่แล้ว โดยร่วมกันระหว่างตำรวจนครบาลและตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมทั้งจัดชุดเคลื่อนที่เร็วไว้เผื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีที่มีพ่อค้าแม่ค้ายัดเยียดหรือบังคับให้ประชาชนซื้อสิ่งของ กำชับให้ บก.ปคบ. เน้นออกตรวจตราไปแล้ว
ตำรวจน้ำจัดเรือวิ่งรับ–ส่งฟรี
ด้าน พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบก.รน. กล่าวว่า จัดเรือออกตรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยทางน้ำ และเรือบริการรับส่งประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ รับ-ส่งประชาชนวันละ 7-10 รอบ เริ่มตั้งแต่ 10.00- 17.00 น. ทุกวัน โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วิ่งประมาณ 20 รอบ เนื่องจากมีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก จุดเทียบเรือรับส่งประชาชน ได้แก่ ท่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ท่าพระปิ่นเกล้า ท่ามหาราช ท่าช้าง ท่าเตียน ท่าราชวงศ์ ท่าสี่พระยา ท่าสาทร ท่าวังหลัง ท่าพรานนก และท่าเรือราชนาวีสโมสร โดยไม่เก็บค่าโดยสาร
ผบ.ทบ.ตรวจเยี่ยม กอร.รส.
ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับทราบปัญหาการดำเนินงานของ กอร.รส. มี พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผอ.กอร.รส. พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 รอง ผอ.กอร.รส. ร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติงาน ซึ่ง ผบ.ทบ.ยังแสดงความห่วงใยเรื่องการรักษาความปลอดภัย หลังจากวันที่ 3 พ.ย. กอร.รส.จะจัดการดูแลรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เข้มงวด 4 ท่าเรือ ที่เป็นจุดรับส่งประชาชน คือ ท่าเตียน ท่าช้าง ท่ามหาราช และท่าพระจันทร์ โดยจัดกำลัง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่การท่าเรือฝ่ายละ 5 นาย ดูแลความปลอดภัย ตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น. ทุกวัน
ให้ระวังบุคคลมีอาการทางจิต
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ ชี้แจงถึงการเตรียมพร้อมรองรับประชาชนที่จะเข้าไปถวายสักการะช่วงวันที่ 5-6 พ.ย. ว่า หากมีประชาชนเดินทางมามากเกิน 30,000 คน จะแจ้งเตือนผู้ที่มาทีหลังรับทราบว่า อาจไม่ได้เข้าไปถวายสักการะเพราะหมดเวลา ได้ประสานงานไปยังสำนักพระราชวัง โดยระบุว่า จะให้ประชาชนที่อยู่แนวรอคอยในแต่ละวันเข้าไปถวายสักการะได้ทั้งหมด ไม่ให้ผิดหวัง และ มทภ.1 ยังเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการเวียนเทียนมารับของบริจาค โดยจะจัดโรงทานแยกเฉพาะให้มารับของโดยตรง เพื่อไม่ให้มาปะปนกับประชาชนที่เข้ามาถวายสักการะ กอร.รส.เน้นย้ำจุดคัดกรองทั้ง 8 จุดให้สังเกตประชาชนที่มีอาการทางจิต เนื่องจากเกิดกรณีมีบุคคลแสดงอาการทางจิตขณะที่เข้าถวายสักการะ ราชองครักษ์กันตัวออกมาได้ทันท่วงที และประสานเจ้าหน้าที่ตามจุดพักคอยให้แจ้งเตือนประชาชนสังเกตบุคคลรอบข้าง โดยกรมสุขภาพจิตจัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยดูแล
ขอให้จัดระเบียบให้สมพระเกียรติ
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า สถานการณ์ความหนาแน่นของประชาชนลดน้อยลง อยากให้เจ้าหน้าที่ปรับตามความเหมาะสม เพราะงานครั้งนี้สำคัญ ต้องเก็บข้อมูลทุกอย่าง ภาพรวมมีความเรียบร้อย ปัญหาใหญ่เริ่มคลี่คลายลงและอยู่ในสภาวะสมดุลแล้ว เมื่อทุกอย่างเข้าที่ขอให้จัดระเบียบเป็นมาตรฐานและสมพระเกียรติ จะมีเพียงวันเสาร์ อาทิตย์ และช่วงเทศกาลเท่านั้น ที่มีประชาชนเดินทางมามากกว่าปกติ อยากให้ กอร.รส.ปรับมาตรฐานการทำงานเพื่อระยะยาว ส่วนบุคลากรด้านความมั่นคงที่รับผิดชอบหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง อาจมีความล้า ขอให้บริหารจัดการคนให้ดี เพราะต้องดูแลพื้นที่ให้มีความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้ประชาชนช่วยสังเกตคนที่มีอาการทางจิต เพราะบางคนมีจุดประสงค์หลายอย่าง ทั้งต้องการอาหาร เวียนเทียนรับสิ่งของ ขอให้บริหารจัดการในทางที่ดีเพราะถือเป็นเรื่องความอดอยาก ขอให้มีเมตตาธรรม ถือเป็นการทำบุญ นอกจากนี้ ขอให้ทำความเข้าใจกับจิตอาสา เพราะเขามุ่งหวังนำสิ่งของมาให้ประชาชน การแบ่งสิ่งของไปให้คนเร่ร่อน อาจทำให้ของบริจาคลดลง หากเราทำได้ดีก็ยืดระยะยาวได้และทุกคนก็จะมีความสุข
ให้คนรายได้น้อยได้กินถือว่าทำบุญ
ผบ.ทบ.กล่าวว่า คนที่มีรายได้น้อยก็ให้เขากินด้วยตามสมควร ถือเป็นการทำบุญ อย่าไปสร้างความกดดันให้คนกลุ่มนี้ ทำแต่พองาม แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาความปลอดภัย ผิดพลาดไม่ได้ ที่ผ่านมาขอชื่นชม กอร.รส. ในส่วนของกำลังพลทุกคน ถือเป็นบุคลากรที่มีโอกาสทำภารกิจสำคัญ สิ่งที่ต้องตระหนักคือเรากำลังทำงานสำคัญของรัฐบาลและประเทศชาติ เป็นแกนหลักต้องทำให้ดีที่สุด แต่อย่าทำให้ประชาชนอึดอัด ขอให้อยู่ในจุดที่สมดุล อย่าระแวง อยากขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งการตรวจค้น การจัดระเบียบเข้าคิว แต่ต้องขอโทษหากมาตรการรักษาความปลอดภัยไปเร่งรัดทำให้อึดอัด และเดือดร้อนขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่
องค์ภาฯบำเพ็ญพระกุศลบ่าย
เวลา 15.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา เสด็จบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีพระพิธีธรรมจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม
พระเทพฯเสด็จฯฟังพระพิธีธรรม
เวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย คุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาคนเล็กในทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี บำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีพระพิธีธรรมจากวัดบวรนิเวศวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
ต่างชาติยกย่องศาสตร์พระราชา
คืนวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน” ว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. เป็นอีกวันสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ที่คนไทยทุกคนจะได้จดจำ เมื่อสมัชชาสหประชาชาติ ได้จัดประชุมวาระพิเศษ เพื่อแสดงความอาลัย และสดุดี แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยได้กล่าวยกย่องการครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก นานาประเทศล้วนยอมรับพระราชกรณียกิจที่ทำให้องค์การระหว่างประเทศต่างทูลเกล้าฯถวายรางวัล เพื่อเฉลิมพระเกียรติ อาทิ รางวัลความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์ เมื่อปี 2549 การกำหนดให้วันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปี เป็น “วันดินโลก” เมื่อปี 2557
เฉลิมพระเกียรติเป็นพระบิดาฯข้าวไทย
นายกฯกล่าวอีกว่า ดังนั้น วันที่ 28 ต.ค. จึงเป็นวันที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกแล้วว่า “ศาสตร์พระราชา” ของพ่อหลวงไทยในทุกแขนง ไม่เพียงแต่เพื่อการอยู่ดี มีสุข ของพสกนิกรชาวไทยเท่านั้น หากแต่ล้วนนำมาซึ่งแนวทาง ความคิด และปรัชญาในการพัฒนาที่ยั่งยืน อันเป็นคุณูปการแก่มวลมนุษยชาติ โดยรวมจนได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดจากประชาคมโลก ด้วยสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ และน้อมรําลึกในพระปรีชาสามารถ และพระอัจฉริยภาพต่อการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย รวมทั้งเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสครบรอบ 100 ปี งานวิจัยข้าวไทย ในปี 2559 นี้ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ต.ค. เห็นชอบให้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย”
ดาราช่อง 7 ร่วมบรรจุข้าวเปลือก
ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์โอทอป สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ทีมดารานักแสดงช่อง 7 สี นำโดยนายรัฐพงศ์ ธนะพัฒน์หรือเคลลี่ นายวงศกร ปรมัตถากร หรือนิว น.ส.กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า หรือเกรซ นางปภัสรา เตชะไพบูลย์ หรือกบ น.ส.สุภาพร มะลิซ้อน หรือฝ้าย รองอันดับ 2 Miss Grand International 2016 เป็นต้น ร่วมบรรจุข้าวเปลือกใส่ถุง “พอเพียง” เพื่อนำเป็นของที่ระลึกให้กับประชาชนที่เข้าร่วมกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภายในสำนักงานสำนักปลัดฯ ประชาชน จิตอาสามาร่วมกันบรรจุจำนวนมาก
คุรุสภาถวายพระเกียรติในหลวง ร.9
นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการจัดงานวันครู ครั้งที่ 61 พ.ศ.2560 ได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมจัดงานวันครู วันที่ 16 มกราคม 2560 โดยในปี 60 คณะอนุกรรมการฯ มีแนวคิดจะถวายพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างสูงสุด ในฐานะที่ทรงเป็น “บูรพาจารย์ของครู” จากที่คุรุสภาเคยถวายพระสมัญญานาม “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่แต่งฉันท์พิเศษสำหรับพระองค์ขึ้น เพื่อเชิดชูพระเกียรติ จากเดิมที่มีเฉพาะคำฉันท์ไหว้ครูที่ขึ้นต้นว่า “ปาเจราจริยาโหนติ คุณุตตรานุสาสกา..” ซึ่งให้นักเรียนท่องอยู่เพียงบทเดียวและคุรุสภาจะรวบรวมพระราชดำริ และพระราชดำรัส ที่เกี่ยวข้องกับครู และการศึกษาของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาจัดทำเป็นหนังสือเฉลิมพระเกียรติ
เผยยอดลงนามทั่ว ปท. กว่า 6.7 ล้านคน
วันเดียวกันกระทรวงมหาดไทยสรุปผลการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลในส่วนของต่างจังหวัด โดยมีประชาชนลงนามแสดงความอาลัย เมื่อวันที่ 3 พ.ย. จำนวนทั้งสิ้น 176,401 ราย มียอดสะสมการลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. จำนวนทั้งสิ้น 6,709,779 ราย ยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดอภิธรรม 8,572,968 คน การทำบุญตักบาตร กิจกรรมการทำบุญตักบาตร มีจำนวนทั้งสิ้น 2,711,784 คน กิจกรรมอื่นๆ จำนวนทั้งสิ้น 2,310,330 คน
รวบโจรล้วงกระเป๋าที่สนามหลวง
ค่ำวันเดียวกัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.1 ควบคุมตัวนายวิทยา บุตรศรีภูมิ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์หรือรับของโจร มาชี้จุดเกิดเหตุบริเวณสนามหลวง ตรงข้ามศาลหลักเมือง หลังก่อเหตุล้วงกระเป๋าสะพาย ขโมยโทรศัพท์มือถือของนางแก้ว กาใจ อายุ 56 ปี อาชีพรับจ้างทำขนม เมื่อบ่ายวันที่ 3 พ.ย. ผู้เสียหายโทรศัพท์ติดต่อขอโทรศัพท์คืน แต่นายวิทยาเรียกร้องเอาเงิน 600 บาทและนัดหมายนำโทรศัพท์มาคืนให้บริเวณป้ายรถเมล์ห่างจากจุดคัดกรอง แยกวงเวียน รด. ตำรวจจึงวางแผนจับกุม นายวิทยารับสารภาพว่าทำครั้งแรก เพราะตกงานจากการเป็นลูกจ้างร้านขายอะไหล่รถ นำตัวส่ง พงส.สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดี ผบช.น.กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์ประชาชนให้เอากระเป๋ามาสะพายไว้ด้านหน้า เพื่อป้องกันแก๊งล้วงกระเป๋า หากพบเบาะแสคนร้ายช่วยแจ้งข้อมูลตำรวจทราบทันที
ซื้อข้าวชาวนาแจกผู้มาถวายบังคม
พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวงทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ อคส.ซื้อข้าวสารหอมมะลิจากเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรต่างๆ เพื่อนำมาบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัม (กก.) แจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยจะแจกที่ประตูเทวาภิรมย์ พระบรมมหาราชวัง เบื้องต้นกำหนดที่จะซื้อข้าวสารหอมมะลิทั้งหมด 780,000 กก. โดยจะรับสมัครอาสาสมัครบรรจุถุง เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนระหว่างวันที่ 14 พ.ย. 59-30 ม.ค.60 ตั้งเป้าหมายแจกจ่ายวันละ 10,000 ถุง โดยข้าวหอมมะลิ ที่ อคส.จะซื้อจากกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์ จะเป็นข้าวสารในราคาตลาด โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง
สื่อชายแดนใต้บริจาคเสื้อดำ
ขณะที่ประชาชนตามต่างจังหวัดยังคงจัดกิจกรรม แสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างต่อเนื่อง ที่หน้าวิทยาลัยเทคนิคยะลา อ.เมืองยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ ผวจ.ยะลา เป็นประธานการบริจาคเสื้อสีดำให้กับประชาชนที่ขาดแคลน ในกิจกรรม “ย่านแห่งการทำความดี” จาก สื่อมวลชนชายแดนใต้ ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคยะลา และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่รับบริจาคเสื้อได้กว่า 10,000 ตัว คัดแยกนำมาย้อมสีดำได้กว่า 6,000 ตัว มอบให้ประชาชนเพื่อสวมใส่ไปร่วมงานแสดงความอาลัย ที่จังหวัดจะจัดขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดในวันที่ 9 พ.ย. จากนั้น ผวจ.ยะลา นำร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมกล่าวขอขอบคุณและชื่นชมประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกเชื้อชาติศาสนาภายใต้พระบรมโพธิสมภารที่ร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ แสดงออกถึงความ จงรักภักดีที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
อาจารย์ศิลปะวาดภาพพ่อหลวง
ที่วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช ไปเยี่ยมให้กำลังใจคณะอาจารย์ที่วาดพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นายชัยยันต์ จงจงประเสริฐ อาจารย์ประจำแผนกวิจิตรศิลป์ กล่าวว่า ตนและคณะอาจารย์มีแนวคิดที่จะร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านศิลปะ จึงร่วมกันวาดพระบรม สาทิสลักษณ์ของพระองค์ในอิริยาบถต่างๆ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนเจริญพระชนมพรรษา ทั้งหมด 9 ภาพ ขนาดความสูง 2.4 เมตร ยาว 30 เมตร ขณะนี้แล้วเสร็จไปแล้วร้อยละ 90 เหลือเพียงตกแต่งเก็บรายละเอียดภาพเท่านั้น จากนั้นภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนนี้จะนำภาพไปจัดแสดง ณ ริมถนนราชดำเนิน บริเวณสวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช ให้ประชาชนได้ชมและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย
นิทรรศการ “ตามรอยพ่อ 61 ปี”
ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา อ.เมือง นครราชสีมา นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทีมสโมสรวอลเลย์บอล (หญิง) นครราชสีมา เดอะมอลล์ CV นำสตาฟฟ์โค้ชและนักกีฬาของสโมสรมาร่วมลงนามแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเยี่ยมชมนิทรรศการพระราชกรณียกิจ “ธ สถิตในดวงใจ นิรันดร์กาล...ตามรอยพ่อ 61 ปี” ที่พระองค์เสด็จฯเยี่ยมพสกนิกรชาวนครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2498 โดยนิทรรศการดังกล่าวจัดแสดงระหว่างวันที่ 1-9 พ.ย. รวม 9 วัน ได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ที่เสด็จฯ จ.นครราชสีมาครั้งแรกและในอีกหลายคราว รวมทั้งพระราชกรณียกิจต่างๆ ล้วนเป็นภาพที่หาชมได้ยากยิ่ง พร้อมชมชุดพระราชอาสน์ใช้เป็นที่ประทับใน 3 รัชกาล ที่จังหวัดนครราชสีมา มอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมหาวีรวงศ์ เก็บรักษาไว้เมื่อปี 2499 ด้วย
2 หนุ่มวิน จยย.รับ-ส่งผู้ป่วยฟรี
นายวิรัตน์ อุบลกาญจน์ อายุ 55 ปี และนายสุชาติ พุ่มด้วง อายุ 43 ปี 2 หนุ่มขี่รถ จยย.รับจ้างวินหน้า รพ.ทุ่งใหญ่ กล่าวว่า ดูข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์และทีวีเห็นประชาชนในกรุงเทพฯ ทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ จึงชักชวนกันร่วมทำความดี ด้วยการขี่รถมอเตอร์ไซค์รับ-ส่งผู้โดยสาร ที่เป็นผู้ป่วยเดินทางมาหาหมอยัง รพ.ทุ่งใหญ่ ฟรีทั้งไปและกลับตลอดวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยนำกระดาษเขียนข้อความ “ทำดีเพื่อพ่อ บริการฟรี” ติดไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ จยย. มีผู้ป่วยที่มา รพ.ใช้บริการกัน อย่างไม่ขาดสาย พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมทั้ง 2 คนว่าเป็นคนดีที่มีจิตเป็นกุศล
ประติมากรรมทรายในหลวง ร.9
นายสุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม เจ้าของตามสบายรีสอร์ต ถนนเพชรเกษม ต.วังใหม่ อ.เมืองชุมพร ลงมือประดิษฐ์ประติมากรรมทรายรูปพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาดความสูง 299 ซม. กว้าง 199 ซม. ตั้งโดดเด่นอยู่หน้าอาคาร ทำงานภายในรีสอร์ต นายสุรินทร์เผยว่า พ่อแม่เป็นคนจีนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอาศัยแผ่นดินไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ทำมาหากินจนก่อร่าง สร้างตัวมาได้ขนาดนี้ ภาคภูมิใจมากเมื่อตระกูลได้รับสัญชาติเป็นคนไทย เมื่อก่อน จ.ชุมพรประสบอุทกภัยทุกปี จนเมื่อปี 2541 ในหลวงทรงแก้ไขปัญหาให้มีโครงการพระราชดำริแก้มลิงหนองใหญ่ และขุดคลองหัววัง-พนังตัก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “คลองในหลวง” ในพื้นที่ ต.บางลึก เพื่อระบายลงสู่ทะเล ถึงวันนี้เป็นเวลา 18 ปีแล้ว น้ำไม่เคยท่วมในตัวเมืองชุมพรอีกเลย นี่คือที่มาที่ไปของประติมากรรมที่ต้องการทำขึ้นเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
มูลนิธิจิบเต็กเซี่ยงตึ้งเปิดโรงทาน
นายประเสริฐ ชัยชนะศิริวิทยา ประธานมูลนิธิจิบเต็กเซี่ยงตึ้งสุรินทร์ นำคณะกรรมการมูลนิธิและกลุ่มแม่บ้านเปิดโรงทานภายมูลนิธิ ซอยหลังตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ นำซาลาเปาหลายพันลูก พร้อมเครื่องดื่มหลายร้อยลิตรมาให้ประชาชนได้รับประทานได้อิ่ม และยังมีถุงให้นำกลับบ้านได้ด้วยคนละไม่เกิน 3 ลูก มีประชาชนมาเข้าแถวรับซาลาเปาจำนวนมาก การเปิดโรงทานครั้งนี้เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระองค์ทรงช่วยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
แสดงอาลัย–แปรอักษรเลข ๙
ส่วนกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นอกจากพิธีทำบุญตักบาตร ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้ว ยังมีการแสดงความอาลัยด้วยการนำคณะสวมเสื้อดำและขาวมารวมตัวแปรอักษรเป็นรูปเลข ๙ และรูปหัวใจ หลายหน่วยงานในจังหวัดต่างๆยังจัดกิจกรรมนี้กันอย่างสวยงาม อาทิ ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง นักเรียน 2,551 คน ร่วมแปรอักษรรูปดวงใจ เลข ๙ พร้อมข้อความ “ตามรอยพ่อ” ที่โรงเรียนนวมินทราชูทิศ อีสาน จ.มุกดาหาร ครูและนักเรียนกว่า 1,000 คน ร่วมแปรอักษรรูปเลข ๙
แปรอักษรตราพระราชลัญจกร
ที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ครูอาจารย์ นักเรียนนักศึกษา 12,999 คน แปรอักษรเป็นรูปตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ รัชกาลที่ 9 เป็นรูปพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ประกอบด้วย วงจักร กลางวงจักรมีอักขระเป็น “อุ” หรือ “เลข ๙” มีรัศมีเปล่งออกโดยรอบ เหนือจักรเป็นรูปเศวตฉัตร 7 ชั้น และมีข้อความ “มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์” ที่โรงเรียนเทิงวิทยาคม จ.เชียงราย ครูและนักเรียน 2,700 คน แปรอักษรรูปหัวใจ มีเลข ๙ ตรงกลาง และตัวอักษร ท.ว. ที่โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร จ.แม่ฮ่องสอน ครูและนักเรียนกว่า 600 คน แปรอักษรรูปเลข ๙ โรงเรียนห้องสอนศึกษาในพระอุปถัมภ์ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ครูและนักเรียน 1,400 คนแปรอักษรเลข ๙ บนแผนที่ประเทศไทย ที่โรงเรียนวัดคูหาสวรรค์ อ.เมืองสุโขทัย ครูและนักเรียน 1,099 คน แปรอักษรเลข ๙
รูปในหลวง ร.9 อยู่กลางหัวใจ
ที่โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม จ.สระบุรี ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ร่วม 4,000 คน แปรอักษร 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นรูปเลข ๙ อยู่กลางหัวใจ ด้านล่างมีคำว่า สระบุรีวิทยาคม จากนั้นครั้งที่ 2 แปรขบวนเป็นรูปหัวใจ ตรงกลางเป็นรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 และด้านล่างคำว่า สระบุรีวิทยาคม อย่างสวยงาม ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท ประชาชน 19,999 คน ร่วมกันแปรอักษรเป็นข้อความ “ชัยนาทรักพ่อ” มีเลข ๙ อยู่ในรูปหัวใจอยู่ระหว่างกลางข้อความ ที่โรงเรียนอนุบาลเทศบาล 3 หรือโรงเรียนพรหมรวมมิตร อ.เมืองสิงห์บุรี ครูและนักเรียน 700 คน แปรอักษรเป็นเลข ๙ อยู่ในรูปหัวใจ และด้านบนเป็นริบบิ้นโบสีดำ นอกจากนี้ยังมีการแปรอักษรรูปเลข ๙ อีกหลายโรงเรียน อาทิ โรงเรียนบ้านหัวโกรก ต.หนองรี อ.เมืองชลบุรี โรงเรียนวิเศษชัยชาญ ตันติวิทยาภูมิ จ.อ่างทอง โรงเรียนเทพศิรินทร์สมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ และที่โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ อนุบาลค่ายนวมินทราชินี ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี โดยเด็กนักเรียนอนุบาลได้นำริบบิ้นสีดำ 500 ชิ้นที่ทำขึ้นเอง เดินแจกให้กับแพทย์และพยาบาล รพ.ค่ายนวมินทราชินี และประชาชนทั่วไปด้วย
สุดปีติถวายข้าวขาหมูเชียงดาว
ที่ร้านเสวยเพ็ญพร ขาหมูเชียงดาว ร้านเก่าแก่ชื่อดังของ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นายบุญทอง พุทธพันธ์ อายุ 90 ปี เจ้าของร้าน เผยความประทับใจเมื่อครั้งเคยเข้าเฝ้าฯรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า ได้ถวายข้าวขาหมู ที่พระองค์เสวยทุกครั้งที่เสด็จฯมาเชียงดาว รวมทั้งส่งไปถวายที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ พระองค์เคยตรัสกับตนว่า “เจ้าเก่านะ อร่อยมาก” ภาพความทรงจำเมื่อ 30-40 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นมงคลที่สุดของชีวิต ที่พระองค์ท่านยื่นพระหัตถ์มาจับมือของตน ได้นำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ครอบครัวมีความสุข มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านการค้าขายมาตลอด
ทรงให้โรงเรียนชาวปกากะญอ
ที่โรงเรียนบ้านแม่สาน หมู่ 6 ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เคยเสด็จฯมาให้การช่วยเหลือราษฎรบนเขาสูงถิ่นทุรกันดาร นายติ๊บแก้ว ค้างคีรี อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า พระองค์นั่งเฮลิคอปเตอร์ เสด็จฯมาที่หมู่บ้านเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2519 เพราะทราบว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีโจรผู้ร้ายชุกชุมจนชาวบ้านต้องอพยพหนีข้ามเขาไปอยู่ที่อื่นจำนวนมาก และมีโรคระบาด มีคนป่วยคนตายมากมาย จึงเสด็จฯมาช่วยเหลือ พระราชทานอาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และม้าอีก 12 ตัว อีกทั้งให้เฮลิคอปเตอร์นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล หลังทอดพระเนตรสภาพพื้นที่แล้ว ทรงมีกระแสรับสั่งให้ตั้งโรงเรียนจัดหาครู มาทำการเรียนการสอน นำความปลาบปลื้มปีติและความเป็นสิริมงคลแก่ชาวบ้านแม่สานอย่างหาที่สุดมิได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงปกากะญอจึงพร้อมใจกันอนุรักษ์โรงเรียนบ้านแม่สานแห่งนี้ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความจงรักภักดี นอกจากนี้ชาวบ้านที่นี่ยังใช้นามสกุลเดียวกันทั้งหมู่บ้านคือ “ค้างคีรี” เป็นนามสกุลพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย
ยังมุ่งมั่นเดินเพื่อพ่อเข้ากรุง
ขณะที่ยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดอีกหลายคนแสดงออกด้วยความอาลัยตั้งใจมุ่งมั่นเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อาทิ นายชัชวาล ทิศสว่าง อายุ 50 ปี อดีตนักมวยดัง “แดงเหนือ เกียรติอาร์ดี” แชมป์มวยสากล 2 เวทีชาว อ.เมืองลำปาง ออกเดินจากบ้านเมื่อวันที่ 30 ต.ค. เข้าสู่เขต จ.กำแพงเพชร นายพลอย บุญเพชร์ พ่อเฒ่าวัย 74 ปี อดีตพนักงานการไฟฟ้า ชาว จ.พิจิตร เดินเข้าเขต จ.นครสวรรค์ นายคูณ เหล่าชัย อายุ 75 ปี ชาว จ.หนองคาย เดินมาถึงเขตเทศบาลนครอุดรธานี นายแดง รื่นนุสาร อายุ 47 ปี หนุ่มพิการขาลีบทั้ง 2 ข้าง ชาว อ.เมืองกาญจนบุรี ใช้ไม้เท้าพยุงร่างเดินเข้าเขต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่วนนายประดิษฐ์ แจ้งบุญ อายุ 70 ปี ส.อบต.บ้านกุ่ม อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ปั่นจักรยานสามล้อออกจากบ้าน คาดว่าจะถึงท้องสนามหลวงในวันที่ 6 พ.ย.นี้
คณะหมอลำรวมใจอาลัยพ่อ
ที่เวทีสวนสาธารณะ 200 ปี บึงแก่นนคร จ.ขอนแก่น มีคณะหมอลำในภาคอีสาน 200 คณะ กว่า 4,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมแสดงความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 เปิดวีดิทัศน์ชุดขอตามรอยพ่อ และบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ โดยวงมหาดุริยางค์พื้นบ้านสินไซ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จากนั้นกลุ่มหมอลำศิลปินภาคอีสานร่วมกันลำวาทศิลป์ถิ่นอีสาน ต่อมาเวลา 19.25 น. นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงานจุดเทียนแสดงความอาลัย ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี 3 รอบ และยืนสงบนิ่ง จากนั้นเป็นการแสดงของชมรมกลุ่มศิลปินหมอลำภาคอีสานลำถวายอาลัยพ่อหลวง โดย ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม ศิลปินแห่งชาติปี 2549 สาขาศิลปะการแสดงหมอลำ คุณแม่ ดร.ราตรี ศรีวิไล นายกสมาคมหมอลำจังหวัดขอนแก่น และตัวแทนกลุ่มหมอลำกลอน คุณแม่ชวาลา หาญสุริย์ และคุณแม่อาษา แถววิชา ตัวแทนกลุ่มหมอลำเรื่องต่อกลอน ร่วมร้องเพลง “น้อมเสด็จสู่สวรรคาลัย”
เวนิส บ.ข.ส.รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ จ.นครพนม นายประเวศ พลเชียงขวาง หรือ เวนิส บ.ข.ส. เจ้าของฉายา “ซ้ายพญายม” วัย 67 ปี นักชกจากอำเภอนาแก จ.นครพนม ผู้สร้างตำนานแชมป์โลกมากมาย และถือเป็นแชมป์โลกคนที่ 4 ของประเทศไทย เดินทางมาแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร เนื่องจากสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีพระเมตตาเสด็จไปทอดพระเนตรการชกชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท ของสภามวยโลก กับเบตูลิโอ กอนซาเลซ แชมป์โลกชาวเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2515 ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก จนชนะน็อกในยกที่ 10 อย่างงดงาม นายประเวศกล่าวว่า หลังลงจากเวทีได้เข้าเฝ้าฯในหลวง ซึ่งพระองค์ตรัสถามว่า “เจ็บมั้ย ขอให้รักษาแชมป์ไว้ได้นานๆ แบบรุ่นพี่” นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
คุณใหม่แจกอาหารกล่อง
เวลา 19.45 น. คุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาคนเล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เดินทางมาแจกเสื้อสีดำคอกลม นมกล่องพร้อมน้ำดื่มและอาหารว่างให้กับประชาชนที่มาร่วมถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณทางออกประตูศรีสุนทร ในพระบรมมหาราชวัง หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพในช่วงค่ำ โดยคุณสิริกิติยาออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มายืนรอประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพในช่วงค่ำ บริเวณหน้าประตูศรีสุนทร เมื่อประชาชนกลุ่มแรกมาถึงคุณสิริกิติยาได้มอบเสื้อยืดสีดำให้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกล่าวขอบคุณกับประชาชนที่มากราบถวายสักการะพระบรมศพ ทำให้ประชาชนต่างตื่นเต้นและปลื้มใจ เพราะไม่ทราบมาก่อนว่า จะมีราชนิกุลมาร่วมแจกสิ่งของ มอบน้ำใจให้ประชาชนในช่วงค่ำ
ตื้นตันน้ำใจพระนัดดาในหลวง
ด้าน น.ส.นงลักษณ์ อุบลน้อย อายุ 57 ปี คนไทยในต่างแดน ใช้ชีวิตและสร้างครอบครัวที่เมืองเปซาโร ประเทศอิตาลีร่วม 40 ปี เดินทางมาพักผ่อนที่เมืองไทยเป็นเวลา 1 เดือน ได้ชวนญาติๆ มาร่วมถวายสักการะพระบรมศพเผยความรู้สึกด้วยใบหน้าตื่นเต้นว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าพระนัดดาของในหลวง รัชกาลที่ 9 จะมามอบสิ่งของให้กับประชาชน ขณะที่รับตื่นเต้นจนมือสั่น ขนลุกไปหมด เมื่อได้สัมผัสน้ำใจใกล้ชิดเช่นนี้รู้สึกประทับใจมาก เช่นเดียวกับ น.ส.ศตพร มีผิวสม อายุ 51 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร กล่าวว่า รู้สึกตื้นตันใจและซาบซึ้งที่คุณสิริกิติยามีน้ำใจให้กับประชาชน