ศาลจังหวัดพิษณุโลกอ่านพิพากษาศาลชั้นต้น ลงโทษประหารชีวิต ‘สน หุมเพียง’ จำเลยวัย 45 ปี ฆ่ารัดคอข่มขืนน้องพิ้งค์ ด.ญ.วัย 14 ปี ที่บ้านใน อ.นครไทย พ่อแม่ร่ำไห้ พอใจในคำพิพากษา บอกยังคิดถึงลูกสาวทุกวัน...
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 พ.ย.59 ที่บัลลังก์ 9 ศาลจังหวัดพิษณุโลก นายนิรันดร์ เนติไชยพันธ์ ผู้พิพากษา ได้นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่นายสน หุมเพียง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 8 ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ถูกฟ้องเป็นจำเลย ข้อหาฆ่าข่มขืน ‘น้องพิ้งค์’ เด็กหญิงอายุ 14 ปี เหตุเกิดที่หมู่ 8 ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยมีพ่อแม่และญาติพี่น้องของน้องพิ้งค์ มาเข้ารับฟังคำพิพากษาในครั้งนี้ด้วย ตลอดเวลาที่ที่ศาลอ่านคำพิพากษา พ่อแม่นั่งฟังด้วยความสงบ ร่ำไห้เช็ดน้ำตาเป็นช่วงๆ ส่วนจำเลยยืนรับฟังคำพิพากษาด้วยการก้มหน้าตลอดเวลา
ทั้งนี้ คดีนี้ จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และไม่ปรากฏเหตุบรรเทาโทษอื่น ที่สมควรจะลดโทษให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงไม่ลดโทษ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้ประหารชีวิตสถานเดียว พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหม 350,000 บาท ดอกเบี้ยอัตรา 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่ วันที่ 1 ก.ค.59
ภายหลังรับฟังคำพืพากษาแล้ว พ่อของน้องพิ้งค์ เปิดเผยว่า พอใจในการตัดสินประหารชีวิต แต่ยังไม่รู้ว่าจะประหารชีวิตจริงหรือเปล่า เพราะขบวนการทางศาลอาจไม่สิ้นสุดเพียงแค่ศาลชั้นต้น ที่พิจารณา และชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นแรก ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะอุทธรณ์ได้ ทุกวันนี้ยังคิดถึงลูกสาวตลอดเวลา แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม เพราะลูกเป็นคนดี อยากจะให้ประหารชีวิตจริงๆ ไม่อยากให้ผู้ต้องหาอยู่ต่อไป เพราะจะไปสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นอีก อีกทั้งการกระทำของคนร้าย ที่ทำกับลูกของตน เหมือนสัตว์นรกมาเกิด
...
สำหรับเหตุการณ์สะเทือนขวัญรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 59 นายสน หุมเพียง คนร้าย ได้ขึ้นมาบนบ้านน้องพิ้งค์ เข้าไปขอยืมที่ชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งขณะนั้นคนร้ายเห็นน้องพิ้งค์ สวมใส่กางเกงขาสั้น จึงเกิดอารมณ์ และได้พูดจาแทะโลมจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ด้วยความโมโห นายสน จึงเดินออกไปหยิบเชือกมารัดคอจนเสียชีวิต แล้วกระชากเสื้อผ้าจนฉีกขาดเพื่อข่มขืน หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าป่าไป ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังออกตามล่าในวันนั้นทันที แต่ไม่พบตัว กระทั่งรุ่งขึ้น วันที่ 6 เมษายน 2559 จึงระดมกำลังค้นหาอีกครั้ง และสามารถจับกุมนายสน หุมเพียงได้ ขณะซ่อนตัวภายในไร่ข้าวโพด อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 3 กม.
หลังจับกุมตัวได้ ตำรวจได้ควบคุมตัวมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พนักงานสอบสวน ได้แจ้ง 4 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นความผิดอาญา 2.ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เป็นเหตุให้เด็กนั้นถึงแก่ความตาย 3.บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย 4.ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นครไทย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากชาวบ้านที่ยังอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น จะรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา ส่วนศพของน้องพิ้งค์ ได้ตั้งสวดและฌาปนกิจไปแล้วเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2559.