แชร์สนั่นภาพคนปีนเหยียบองค์พระพุทธชินราช พบเป็นทีมช่างจากโรงหล่อ ขึ้นวัดขนาด เพื่อทำองค์จำลอง นุ่งขาวห่มขาว ทำพิธีขอขมา สำนึกผิดที่ไม่ได้ต่อนั่งร้านขณะทำงาน...
วันที่ 3 ก.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์ของชาวพิษณุโลก โดยเฉพาะในกลุ่ม เฟซบุ๊กพิษณุโลกบ้านเรา ได้โพสต์ภาพและข้อความที่สร้างความไม่สบายใจให้กับชาวพิษณุโลกเป็นอย่างมาก เป็นภาพของหลวงพ่อพระพุทธชินราช ในวิหารหลวงวัดใหญ่ หรือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีผู้ชาย 3 คน กำลังดำเนินการวัดขนาดหลวงพ่อพระพุทธชินราช โดยชายคนหนึ่งได้ขึ้นไปยืนบนแขนของหลวงพ่อ และใช้ไม้วัดบริเวณพระพักตร์หลวงพ่อ ขณะที่ชายอีก 2 คนอยู่ด้านหน้าองค์พระ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างมาก เนื่องจากหลวงพ่อพระพุทธชินราช เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของคนพิษณุโลก และการจะดำเนินการวัดขนาดหรือบูรณะใดๆ จะต้องใช้นั่งร้านตั้งโดยรอบองค์หลวงพ่อ ไม่ขึ้นไปเหยียบเช่นนี้ และในโลกออนไลน์ของชาวพิษณุโลกต่างประณามการกระทำดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอขมาต่อองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช
ขณะที่รายงานแจ้งว่า ทางวัดใหญ่ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก การดำเนินการดังกล่าว เป็นการกระทำโดยพลการ และไม่สมควรของช่างโรงหล่อพระเอกชนในพิษณุโลก ที่ช่างได้ปีนขึ้นไปเพื่อวัดขนาดของหลวงพ่อพระพุทธชินราช การดำเนินการดังกล่าวมาจากดำริของเจ้าอาวาสวัดใหญ่ ที่จะสร้างองค์พระพุทธชินราชองค์จำลองหล่อด้วยทองแดง เพื่อนำไปประดิษฐานที่วิทยาสงฆ์พระพุทธชินราช และได้ว่าจ้างโรงหล่อพระเอกชนให้มาดำเนินการ เวลาเกิดเหตุดังกล่าวเป็นช่วงค่ำของวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาก่อนวิหารหลวงพ่อจะปิด ทางช่างได้เข้ามาและบอกกับผู้เฝ้าวิหารว่า จะมาวัดขนาดองค์หลวงพ่อตามดำริของเจ้าอาวาส จากนั้นก็ดำเนินการวัดขนาด และมีช่วงหนึ่งได้ปีนขึ้นไปที่องค์พระ หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นและชาวพิษณุโลกได้ตำหนิ เรียกร้องให้ทางโรงหล่อมาทำพิธีขอขมาต่อหลวงพ่อพระพุทธชินราชทางโลกออนไลน์ตลอดทั้งวัน
...
ขณะที่ นายขวัญทอง สอนศิริ ที่ปรึกษาวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อาจารย์ ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ และเป็นผู้สนใจในประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า ในเรื่องนี้ตนไม่เกี่ยวข้อง เป็นความผิดพลาดด้านการดำเนินการ ซึ่งปกติการจะปีนองค์พระพุทธชินราช ต้องมีการต่อม้านั่งเพื่อปีนขึ้นไป หรือใช้บันไดปีนจากทางด้านหลังองค์พระ โดยจะมีการปิดประตูห้ามบุคคลภายนอกเข้าเด็ดขาดเป็นการทำภายใน ส่วนใหญ่จะทำหลังจากพระสงฆ์ทำวัดเสร็จหลังเวลา 21.00 น. ซึ่งก่อนขึ้นบุคคลที่ปีนขึ้นไปก็มีการกราบไหว้ขอขมาเรียบร้อยหมด แต่ก็เข้าใจว่าประชาชนที่กราบไหว้องค์หลวงพ่อ เห็นเฉพาะภาพตอนยืนเหยียบ ก็รับไม่ได้มีเสียงวิจารณ์มากมาย
ซึ่งการขึ้นไปวัดองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช เพื่อหล่อองค์จำลองรายละเอียดของพระพักตร์ (ใบหน้า) พระกัณฑ์ (หู) ไม่มีการทำรายละเอียดไว้ มีเพียงขนาดองค์พระพุทธชินราชโดยรวม ก็เลยขออนุญาตยามว่า ทางวัดให้ขึ้นไปวัดขนาดองค์พระพุทธชินราช โดยไม่ได้นุ่งขาวห่มขาว ทำพิธีกรรมมีเครื่องบูชา หรือปีนบันได แต่ปีนขึ้นไปวัดขนาดองค์พระตามต้องการโดยอำเภอใจ ขณะที่ประชาชนที่มากราบไหว้มองเห็นความไม่เหมาะสม ก็ถ่ายรูปลงแชร์ในโลกโซเชียล ขณะนี้ทางเลขาส่วนตัวเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ได้ชี้แจ้งกรณีดังกล่าวแล้ว ทางวัดยอมรับว่าพลาดไป ด้านหน้าองค์พระเป็นพื้นที่สงวนที่ต้องห้าม ต่อไปคงต้องระมัดระวังมากกว่านี้
ต่อมาเวลา 17.30 น. วันเดียวกัน ทางเครือข่ายโรงหล่อพระพิษณุโลก ได้ทำทีมช่างที่เข้ามาดำเนินการวัดองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่างผู้ชายจำนวน 4 คน แต่งกายชุดนุ่งขาวห่มขาว เดินทางมากราบขอขมาต่อองค์หลวงพ่อ ก่อนจัดแจงเตรียมผลไม้ 9 อย่าง และชุดบายศรี น้ำดื่ม ธูป เทียน ดอกบัว มาตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ขอขมาบริเวณด้านหน้าพระวิหาร โดยมีประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรต่อพระพุทธชินราชให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ขณะที่ชาวต่างชาติที่พบเห็นก็ให้ความสนใจจึงได้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ ก่อนที่ทีมช่างทั้ง 4 คน จะกล่าวขอขมาลาโทษที่กระทำการผิดพลาดพลั้งลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วก้มลงกราบจำนวน 3 ครั้ง ก่อนเข้าไปไหว้ขอขมาหลวงพ่อพระพุทธชินราชองค์จริงในวิหาร ท่ามกลางประชาชนที่มาภาวนาสวดมนต์ในตอนเย็น
โดยทีมช่างเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้เข้ามาวัดองค์หลวงพ่อพุทธชินราชเพื่อนำไปหล่อพระพุทธชินราชจำลอง เนื้อทองแดงหน้าตัก 120 นิ้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าองค์จริง 5 นิ้ว เพราะในด้านของคนสร้างพระจะไม่หล่อพระให้เท่ากับองค์จริง ถ้าจะหล่อพระขึ้นมาก็ต้องหล่อให้มีขนาดน้อยกว่าหรือมากกว่าองค์จริงเท่านั้น ช่างจะต้องวัดขนาดให้มีความแม่นยำ เพราะกลัวจะทำสวยไม่เหมือนกับองค์จริง แต่ก็สำนึกผิดที่ไม่ได้ต่อนั่งร้านขณะทำงาน และที่ไม่ปิดประตูก็ไม่ได้มีเจตนา เพราะขณะนั้นยังมีชาวต่างชาติเข้ามากราบไหว้สักการะองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชอยู่ ต้องขอกล่าวคำขอโทษและยอมรับผิดต่อชาวพิษณุโลกด้วย ที่กระทำผิดพลาดพลั้งไป จึงพากันเดินทางมาขอขมาต่อองค์หลวงพ่อในวันนี้ ซึ่งจะระวังไม่ให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก.