‘บูม’จากช่อง7สมัครทอ.
นักร้องหนุ่ม “ชิน-ชินวุฒ” ถึงกับนํ้าตาร่วง หลังรู้ผลต้องเข้ารับใช้ชาติเป็นทหารเกณฑ์ทันที แม้นำใบรับรองแพทย์ดามเหล็กที่แขนมายื่นหวังผ่อนผันต่อแต่แพทย์ทหารยัน “ไม่ขัดต่อการรับราชการ” บวกกับก่อนหน้านี้ไม่มารายงานตัว ได้แต่ครวญห่วงครอบครัวเพราะเป็นเสาหลักของบ้าน ด้าน “บูม-กิตตน์ก้อง” นักแสดงช่อง 7 ยิ้มรับ อยากจะตอบแทน บุญคุณแผ่นดิน สมัครใจเป็นทหารอากาศทันที ส่วนการตรวจเลือกทหารกองเกินฯในหลายจังหวัดสุดคึกคัก มีทั้งสาวประเภทสอง พระสงฆ์ หนุ่มอ้วน เข้าตรวจเลือกฯ ท่ามกลางญาติพี่น้องกองเชียร์ร่วมลุ้นกันสนุกสนาน
การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2559 ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. จนถึงวันที่ 4 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงมีชายไทยที่อายุครบเกณฑ์ รวมถึงคนบันเทิงเข้ามาตรวจคัดเลือกฯอย่างต่อเนื่อง มีทั้งมาขอผ่อนผันและได้รับการยกเว้น โดยที่โรงเรียนวัดน้อยนพคุณ มีการคัดเลือกทหารกองเกินฯของพื้นที่เขตดุสิต ชิน-ชินวุฒ อินทรคูสิน อายุ 27 ปี นักร้องวัยรุ่นชื่อดัง ได้เดินทางมาคนเดียว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเล็กน้อย เพื่อเข้าการตรวจเลือกทหารกองเกินฯ แต่เมื่อมาถึง หนุ่มชิน ได้นำใบรับรองแพทย์และฟิล์มเอกซเรย์จาก รพ.พระมงกุฎเกล้า เพื่อยืนยันว่าแขนขวามีเหล็กดาม ไม่สามารถยกของปกติได้ จากเหตุจักรยานล้มกระดูกข้อมือแตกเมื่อหลายปีมาแล้ว มาให้กับคณะกรรมการตรวจเลือก และขอให้พิจารณาเป็นบุคคลจำพวก 3 เหมือนปี 58 ที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่าในการมารายงานตัวของนักร้องหนุ่มชิน-ชินวุฒในปีนี้ กลับเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย เนื่องจากเมื่อปี 2556 ชิน-ชินวุฒไม่ได้มารายงานตัวตามหมายเรียก รายชื่อจึงถูกขึ้นบัญชีบุคคลหลีกเลี่ยง ต้องเข้ารับราชการทหารทันที เพียงแต่ในปี 2558 ได้นำหลักฐานใบรับรองแพทย์ดังกล่าวมายื่นประกอบ จึงถูกกำหนดให้เป็นบุคคลจำพวก 3 มีอาการบาดเจ็บที่รักษาไม่หายใน 30 วัน และต้องมารายงานตัวปีถัดไป เมื่อเจ้าหน้าที่ขานชื่อ นักร้องหนุ่มเดินไปยื่นให้ตรวจเอกสารตามปกติ ตามด้วยขั้นตอนการตรวจร่างกาย พร้อมยื่นหลักฐานให้ นพ.ร.ท.รัชพล จิราวัฒนกุล กรรมการแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ได้วินิจฉัย แพทย์ทหารปรึกษากับคณะกรรมการตรวจเลือกอยู่ครู่หนึ่งก่อนกลับมาเขียนผลการตรวจว่า “ไม่ขัดต่อการรับราชการ” ลงในใบ สด.43 ทำเอา ชิน-ชินวุฒ ที่นั่งรอฟังผลอย่างอารมณ์ดี ถึงกับมีสีหน้าอึ้งระคนตกใจ หนุ่มชินก็เข้าสู่ขั้นตอนตรวจร่างกายและเอกสารต่างๆ ก่อนที่ พ.ท.ทศพล ทิมสถิตย์ ประธานกรรมการตรวจเลือก ประกาศให้นายชินวุฒิ อินทรคูสิน เป็นทหารกองประจำการ กองทัพบก ผลัด 1 ประจำสังกัด มณฑลทหารบกที่ 11 โดยในใบ สด.43 ของหนุ่มชิน ยังระบุเป็นคนจำพวกที่ 1 คนที่มีร่างกายสมบูรณ์ดี
ชิน-ชินวุฒให้สัมภาษณ์ว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องเป็นทหาร เพราะอยู่ในบัญชีหลบเลี่ยง ที่มายื่นคือเป็นจำพวก 3 แต่อยู่ที่คุณหมอจะวินิจฉัย และมีความเห็นมาว่าไม่ได้ขัดต่อการฝึกซ้อม ตอนนั้นรู้สึกเหวอ แต่ในใจไม่กังวล ถือเป็นเกียรติ เพราะครอบครัวทั้ง 2 ฝั่งก็เป็นทหาร หลังทราบผลก็ได้โทรศัพท์บอกคุณแม่ แม้ทำใจมาแล้ว ถึงอย่างนั้นพอโทรศัพท์บอกแม่ก็เหวอ เพราะไม่ได้เตรียมตัว ส่วนเรื่องงานต้องยกเลิกไปก่อน เรื่องรายได้ที่จะหายไปกะไม่ถูกว่าเท่าไหร่ แต่น่าจะอยู่ที่เลข 7 หลักอยู่แล้ว
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ชิน-ชินวุฒ ให้สัมภาษณ์ก็เริ่มมีน้ำตาคลอและร้องไห้ออกมาจนต้องซับน้ำตาเป็นระยะ หนุ่มชินยืนยันว่าเพราะเป็นห่วงครอบครัว เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ตนเป็นคนที่หารายได้มากที่สุด พอไม่มีเรา พวกเขาจะสบายน้อยลงและจะอยู่กันอย่างไร ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะไม่อยากเป็น เป็นห่วงที่บ้านเท่านั้น
“ถ้าไม่ได้เป็นเสาหลักของครอบครัว ผมไม่สนเลย เรื่องเดียวที่กลัวคือเรื่องนี้ เราก็รับตามที่กฎหมายทุกอย่าง มีห่วงเรื่องเดียวที่วนในหัวตอนนี้ แต่ น้องสาวก็มีงานเรื่อยๆ เขาก็ยอดเยี่ยมในสิ่งที่เขาเป็น แต่ในบทบาทของเรา มันเป็นช่องใหญ่ของบ้าน ค่าใช้จ่าย มันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเรื่องบ้าน และที่ผ่านมาเราก็เต็มที่ตลอด กังวลคือเหลืออีกแค่ 26 วันแล้ววันเกิดน้องสาววันที่ 30 เม.ย. และวันที่ 1 พ.ค. ก็เข้ากรมเลย ถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตครั้งหนึ่ง ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เราละเลย” นักร้องหนุ่ม กล่าว
เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงคนต่อๆ ไปที่อาจเข้าเกณฑ์ทหาร หนุ่มชินกล่าวว่า เรียน รด.ให้จบง่ายสุด เพราะตอนที่ไม่ได้เรียน รด. คุณกำลังพลาดแค่ 3 ปีของชีวิต อาจเป็นแค่ 3 ปี ที่ไม่มีอะไรเลย แต่การที่คุณมาเจอชีวิตจริงแล้วเป็นเสาหลักของบ้าน ต้องมารับตรงนี้ 2 ปี รับรองเลยว่ามันคนละความรู้สึกกัน แต่เมื่อต้องเป็นทหารจริงๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นว่าเราจะไปเจออะไรบ้าง ส่วนที่บอกว่าฝึกทหารจะโดนอะไรต่างๆ นานานั้น มองว่าเราไม่ได้อยู่ในยุคที่ออกสงคราม คงไม่ได้เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วง เราก็รับใช้ในสิ่งที่ต้องทำ ช่วง 2 ปี คงได้เรียนรู้ชีวิตอย่างสูง เราน่าที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับเขาได้ เพราะฉะนั้นก็รับใช้ในสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำ เชื่อว่าจะได้เรียนรู้ชีวิตอย่างสูงเลย เดี๋ยวก็รู้อีก 2 ปีเจอกัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ท.วีรชัย อินทุโศภณ ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถึงกรณีหนุ่มชินว่า หากบุคคลที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือกเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ไปรายงานตัวต่อคณะกรรมการตรวจเลือก ในปีถัดไปต้องเข้ารับราชการทหารทันทีโดยไม่ต้องจับใบดำใบแดง ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 จากกรณีของนักร้องชื่อดัง ชิน-ชินวุฒ ที่เคยไม่มารายงานตัวจนอยู่ในบัญชีหลีกเลี่ยง ในปีที่ผ่านมาจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารแล้ว แต่พบว่ามีเหล็กดามในแขน แพทย์วินิจฉัยว่าอาจเสี่ยงถ้าต้องไปฝึก เลยจำหน่ายเป็นจำพวก 3 เพื่อรักษาตัว ปีถัดมาก็ยื่นเรื่องมีเหล็กดามแขนอีก แต่คราวนี้หมอวินิจฉัยว่าหายดีแล้ว ไม่เป็นอุปสรรค เลยให้เข้ารับราชการทันที ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์
นอกจากนี้ ที่วัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี นักแสดงหนุ่มวิก 7 สี บูม-กิตตน์ก้อง ขำกฤษ วัย 26 ปี เดินทางมาคัดเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2559 ด้วย สีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมเปิดใจว่า ตั้งใจมาสมัคร ขอสักครั้งในชีวิตลูกผู้ชาย อยากจะตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สมัครเข้าเป็นทหารอากาศ ผลัด 1 เข้า 1 พ.ค.นี้ ส่วนจะไปลงที่ไหน เหล่าไหน ตนยังไม่ทราบ จะไม่เห็นหน้ากัน 6 เดือน ตนก็ได้คุยกับทางช่อง 7 เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวตั้งใจสมัครตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ว่า งานละครยังไม่ปิดกล้อง และน้องสาวยังเรียนไม่จบ พร้อมทั้งพ่อของตนป่วยเลยต้องรอรักษาจนหาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่คนชื่นชมที่สมัครใจรับใช้ชาติ บูมกล่าวว่า ขอบคุณทุกกำลังใจและเสียงเชียร์ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติเป็นหน้าที่ชายไทย ด้านครอบครัวก็ภูมิใจ ส่วนหวานใจ กีฟ-อรลีฬห์ก็ให้กำลังใจและก็บอกให้เขารอก่อน ไปรับใช้ชาติก่อนก็ยินดี
วันเดียวกัน ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กระแสสังคมวิจารณ์นายพิรัชต์ นิธิไพศาลกุล (ไมค์) นักร้องนักแสดงที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ปี 2559 ที่ไม่ผ่านการตรวจเลือกเนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นหอบหืดว่าโรคดังกล่าวเป็นโรคต้องห้ามของการเข้าตรวจเลือกเป็นทหาร เพราะจะไม่สามารถออกกำลังกาย และฝึกหนักๆได้ ส่วนกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่าทำไมดารานักแสดงมักเป็นโรคหอบหืดนั้น คิดว่าคงอาจจะไม่มีแรงแล้วจะไปยกปืนหนักๆได้อย่างไร ฉะนั้นต้องมีการคัดเลือกคนที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ประเภทดีหนึ่งประเภทหนึ่ง หากใครที่ไม่สมบูรณ์ก็ไม่เอา ดังนั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจเลือกเป็นทหาร ส่วนที่มีบางคนมักจะผ่อนผันแล้วแจ้งทีหลังว่าเป็นโรคหอบหืดนั้นตนไม่ทราบ เรื่องแบบนี้ต้องไปถามแพทย์ ส่วนการผ่อนผันก็เป็นสิทธิ์ทุกคนที่สามารถทำได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ ทั้งนี้ หากจะมีการตรวจสอบว่าเป็นโรคดังกล่าวจริงหรือไม่ ตนคิดว่าจะมีแพทย์เป็นผู้ตรวจ และมีการเซ็นรับรองว่าเป็นจริง หากดารานักแสดงคนใดไม่ได้เป็น ต้องเป็นเรื่องของแพทย์และคณะที่ต้องรับผิดชอบ
...
สำหรับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการประจำปี 2559 ในส่วน ภูมิภาค พบว่าหลายพื้นที่เป็นการตรวจเลือกเป็นวันแรก บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความคึกคักทั้งที่ ศาลาประชาคม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ที่มีผู้เข้ารับการตรวจเลือกจำนวน 526 คน จาก 6 ตำบล ต้องการทหาร 123 คน และมีสาวประเภทสองมาตรวจเลือกเพียง 1 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเดินทางมาให้กำลังใจบุตรหลานที่มาตรวจเลือกทหารเป็นจำนวนมาก
ขณะที่หอประชุม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ และที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มีชายไทยถึงเกณฑ์ เข้ามารับการตรวจเลือกเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางญาติพี่น้องกองเชียร์มาลุ้นและเป็นกำลังใจกันคึกคัก เช่นเดียวกับที่บริเวณศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอเมือง จ.ชลบุรี มีการคัดเลือกทหารกองเกินของกองทัพเรือ กองทัพบก กองทัพต้องการเพียงแค่ 136 คน แต่ปรากฏว่ามีชายไทยที่ต้องเข้ามารับการคัดเลือกทหารร่วม 1 พันคน รวมทั้งนายวณิชช์ คำเคน อายุ 21 ปี และนายณัฐพงษ์ วงค์กระโซ่ อายุ 21 ปี ทั้งคู่เป็นชาว ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี และเป็นสาวประเภทสอง เข้ามารายงานตัวคัดเลือกด้วยสร้างบรรยากาศความครึกครื้นในการคัดเลือกทหารของเมืองชลบุรี โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารต่างมาขอถ่ายรูปร่วมเพื่อโพสต์และแชร์ในโลกออนไลน์ ต่อมาเจ้าหน้าที่แจ้งว่า สาวประเภทสองทั้ง 2 รายนั้น ถูกจัดอยู่ในประเภทดี 1 ประเภท 4 และไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร เนื่องจากการตรวจวัดร่างกายช่วงแขน โดยเฉพาะรอบอกมีขนาดใหญ่เกินกว่ามาตรฐานชายไทย
ส่วนที่บริเวณห้องประชุมอำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มีชายไทยอายุครบ 21 ปี พระสงฆ์และสาวประเภทสองเข้ารายงานตัวเพื่อตรวจคัดเลือกจำนวน 380 คน ทางทหารรับเพียง 75 คน แต่ก็เป็นที่ฮือฮา เมื่อนายอำพล จรูง อายุ 21 ปี ที่มีน้ำหนักตัวร่วม 300 กิโลกรัม มารายงานตัวพร้อมการตรวจเลือกทหารกองเกินฯด้วย แต่ถูกจัดเป็นประเภท 4 อ้วนพีได้รับการยกเว้นในการจับใบดำใบแดง จึงเดินทางกลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยพยุงเดินมาส่งถึงรถยนต์ เนื่องจากเดินไม่ถนัดหวั่นเสียหลักล้มเนื่องจากน้ำหนักตัวที่มาก เช่นเดียวกับนายดำรงศักดิ์ สมณะบารมี วัย 24 ปี และนายปิยะพงษ์ พึ่งแสงจันทร์ วัย 23 ปี 2 สาวประเภทสอง ที่ได้รับการยกเว้นเนื่องจากตรวจร่างกายพบว่ามีร่างกายไม่ตรงกับเพศกำเนิด จึงได้รับการยกเว้นการจับใบดำใบแดง สร้างความดีใจแก่นายดำรงศักดิ์และนายปิยะพงษ์อย่างมาก
...
สำหรับกรณีญาติพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด อายุ 23 ปี สังกัด ร.152 พัน.1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ร้องเรียนสื่อว่า พลทหารทรงธรรม หมุดหมัด เสียชีวิตจากการถูกลงโทษด้วยการซ้อมทรมาน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและมาเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์ยะลา เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. สืบเนื่องเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม สังกัด ฉก.ยะลา 15 อ.บันนังสตา ได้มีปากเสียงทะเลาะกับนายสิบนายหนึ่ง จนถูกผู้บังคับบัญชาระดับสูงส่งตัวกลับที่ตั้งต้นสังกัด วันเกิดเหตุ มีนายทหารเวรได้สั่งการให้นายสิบจำนวน 5 นาย ลงโทษด้วยการซ้อมทำการทรมานพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด จนได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา และเสียชีวิตในเวลาต่อมาดังกล่าว
ต่อมา ในวันที่ 4 เม.ย. พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แจ้งกรณีนี้ว่า พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 รับทราบเรื่องแล้ว และได้เรียก พ.ท.สมคิด คงทน ผบ.ร.152 พัน.1 มาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยด่วน หากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดทันทีโดยไม่มีการยกเว้น
จากนั้นช่วงเย็นวันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด สังกัด ร.152 พัน.1 ว่าเบื้องต้นมีสาเหตุมาจากถูกทำโทษปรับปรุงวินัยเนื่องจากได้กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด ทั้งนี้กองทัพบกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้สูญเสีย ที่ผ่านมากองทัพบกได้มีการเน้นย้ำไปกับหน่วยทุกระดับมาตลอดในการดำเนินการใดๆ กับผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการเท่านั้น ใครฝ่าฝืนจะต้องมีโทษสถานหนัก
สำหรับกรณีของพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด กองทัพบกขอยืนยันว่าจะไม่ปกป้องกำลังพลที่กระทำความผิด ซึ่งทางหน่วยต้นสังกัด พล.ร.15 มีการตั้งกรรมการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องในทันที โดยผลสรุปพบว่ามีกำลังพลกระทำผิดจริงเป็นกำลังพลทั้งนายทหารและนายสิบ รวม 6 นาย ด้วยการทำโทษปรับปรุงวินัยกำลังพลไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับตามแบบธรรมเนียมทหาร ซึ่งขณะนี้หน่วยฯอยู่ในระหว่างการดำเนินการทางวินัยเพื่อลงโทษกำลังพลที่กระทำความผิดทั้ง 6 นายตามอำนาจที่มีอยู่ขั้นสูงสุด ส่วนการดูแลเยียวยากับทางญาติ หน่วยต้นสังกัดได้มีการเตรียมการไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ในระหว่างประสานกับทางญาติของพลฯทรงธรรมในขณะนี้แล้ว
...