วอนช่วย 2 หนุ่มประสบอุบัติเหตุจนพิการอาศัยในสกลฯ ฐานะยากจน รายแรกต้องตัดขา 2 ข้างทิ้ง อีกรายใช้ชีวิตด้วยขาข้างเดียว แต่ทั้ง 2 ใจสู้! คนหนึ่งฝันอยากทำงานแกะสลัก อีกคนฝันอยากเป็นช่างตัดผม หาเลี้ยงชีพ...
วันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายอานนท์ จันทร์แก้ว นายกเทศบาลตำบลกุสุมาลย์ จ.สกลนคร นำสื่อมวลชน เดินทางไปยัง บ้านเลขที่ 95 บ.โคกสว่าง ม.4 ต.นาโพธิ์ อ.กุสุมาลย์ เพื่อไปดูสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะยากจน อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว พอเป็นที่ซุกหัวนอน โดยมี นายเครื่อง จันจุลา อายุ 51 ปี นางเลิศ ท้าวทา อายุ 50 ปี เป็นหัวหน้าครอบครัว และดูแลบุตรชาย ชื่อ นายศุภชัย รมจันทร์อินทร์ อายุ 29 ปี หรือ กระต่าย ซึ่งประสบอุบัติเหตุเมื่อปี 2552 ต้องตัดขาทิ้งทั้งสองข้าง สภาพร่างกาย ขาทั้ง 2 ข้างถูกตัดออกไปจนถึงก้น มีสาเหตุมาจากการเป็นอัมพฤกษ์ ต้องนอนแน่นิ่งอยู่กับที่ และต่อมาเกิดแผลขนาดใหญ่และลึกบริเวณสะโพก ก่อนจะติดเชื้อลุกลาม เพราะไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เนื่องจากฐานะยากจนไม่มีเงินใช้จ่าย
กระทั่ง เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อาการเจ็บป่วยของ นายศุภชัย เริ่มติดเชื้อลุกลามไปยังระบบขับถ่ายและลำไส้ หากปล่อยทิ้งไว้จะต้องเสียชีวิต จึงประสานโรงพยาบาลชุมชน รีบนำตัวไปรับการรักษาที่ รพ.กุสุมาลย์ ผลปรากฏว่า ต้องตัดส่วนเนื้อของสะโพกที่ติดเชื้อออกไป และเจาะบริเวณท้องด้านซ้ายเพื่อใช้ขับถ่าย รวมไปถึงต้องตัดขาทั้ง 2 ข้างทิ้ง เพราะขาเล็กลีบไม่มีแรง เกิดบาดแผลติดเชื้อ หากปล่อยทิ้งไว้จะอันตราย
นางเลิศ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา หลังลูกชายล้มป่วยลง ผู้เป็นพ่อและแม่ต้องทำงานหนักมากขึ้น ด้วยการออกไปรับจ้างทำทุกอย่าง ได้เงินมาวันละ 300-400 บาท จุนเจือครอบครัว แต่ต้องหมดไปกับค่าดูแลบุตรชาย หาเช้ากินค่ำ หากไม่ออกไปทำงานก็ไม่มีกิน ในตอนนี้อาการของลูกชายไม่มีทางรักษาแล้ว นอกจากประคองชีวิตให้อยู่ได้ ที่น่าเป็นห่วง คือ การดูแลบริเวณจุดที่เปิดแผลไว้ที่ช่องท้องเพื่อใช้ในการขับถ่าย ตอนนี้สิ่งที่อยากจะวิงวอนผู้ใจบุญ จะเป็นเรื่องรถเข็นให้ลูก และอยากต่อเติมบ้านอีกเล็กน้อย เพื่อให้มีที่นอนได้เพิ่มขึ้น เพราะคับแคบจากเตียงของลูกชายที่อยู่ในบ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาลูกชาย
...
ขณะเดียวกัน ลูกชายอยากให้มีคนมาส่งเสริมอาชีพ กับงานฝีมือ ซึ่งยังมีมือทั้ง 2 ข้าง ที่ยังใช้งานได้ โดยลูกชายอยากทำงานด้านการแกะสลัก เพื่อเลี้ยงชีพ หาเงินช่วยทางบ้าน ไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกเป็นภาระ
จากนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ไร่แทนคุณ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน พบว่า เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บนพื้นที่ 17 ไร่ พบชายพิการอีก 1 คน ทราบชื่อ นายติ มันอาษา อายุ 36 ปี ชาว จ.นครพนม ได้มาขออาศัยอยู่กับ นายเฉลิมศักดิ์ พูลเพิ่ม อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านโคกสว่างได้ดูแล และว่าจ้างให้ทำงานเกษตรลักษณะงานเบา เพื่อหารายได้ให้กับ นายติ หลังจากประสบอุบัติเหตุถูกชนขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อปี 2543 ที่ จ.ลพบุรี จนต้องตัดขาด้านซ้ายทิ้งไป
ต่อมา แพทย์ระบุ หากจะรักษาอย่างถูกวิธี จะต้องเสียเงินในการรักษา 150,000 บาท แต่นายติไม่มีเงินรักษา จึงเร่ร่อนกลับมาที่ จ.นครพนม จากนั้นจึงมีอาการผลข้างเคียงจากการประสบอุบัติเหตุครั้งนั้น โดยตั้งแต่ 15 ปีที่ผ่านมา นายติ ต้องใช้ชีวิตด้วยขาขวาข้างเดียว ร่างกายทำงานผิดปกติ มีอุจจาระ และเลือดเสียจากลำไส้ไหลออกทางทวารอยู่ตลอดเวลา มีกลิ่นเหม็น จนทำงานหากินลำบาก เพราะไม่มีใครจ้าง
ด้าน นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า ดูแลทั้ง นายศุภชัย และ นายติ ตามกำลังที่มี ซึ่งปกติตนจะดูแลช่วยเหลือผู้อื่นที่ด้อยโอกาสและยากจนเสมอ เพราะเคยบวชพระมานานถึง 15 ปี ที่ จ.ชลบุรี ก่อนกลับมาอยู่บ้าน ตนรู้สึกสงสาร เพราะทั้ง 2 ต้องเผชิญกับความทุกข์ทนทรมาน ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ถูกเหยียดจากสังคมว่าเป็น ไอ้กุด หรือ ไอ้ด้วน จนย่ำแย่ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ และในฐานะที่เคยบวชมา จึงได้พูดคุยและให้สติ บอกว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน ไม่แบ่งแยก แม้ว่าจะพิการด้วยร่างกาย
นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ก็ไม่ได้มีรายได้มากมาย การทำสวนก็เริ่มขัดสน แต่ไม่อยากทิ้งไปไหน อยากรักษา นายติ เพื่อให้อาการดีขึ้น แต่ยังไม่ทราบถึงแนวทางรักษา ทั้งนี้ นายติ อยากมีอาชีพตัดผม แต่ติดปัญหาของร่างกายที่กล่าวมา จึงอยากวอนให้ผู้ใจบุญยื่นมือช่วยเหลือ ทั้ง นายศุภชัย และ นายติ โดยสามารถติดต่อตนได้ ที่โทรศัพท์ 088-311-2235.