พร้อมหนุ่มคนสนิทหมอดู ผิดม.112-คดีหมิ่นเบื้องสูง เด้งอีก5ตร.ประทวนกก.2ป.
ตำรวจ-ทหารคุมตัว “หมอหยอง” สุริยัน สุจริตพลวงศ์ “สารวัตรเอี๊ยด” พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา และ “อาท” จิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขาฯคนสนิทหมอหยอง ฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ ก่อนนำไปขังต่อที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายใน มทบ.11 “ศรีวราห์” เผยทั้งหมดผิดตาม ม.112 ให้การพาดพิง 8 นายตำรวจสังกัด บช.ก. ที่ถูกย้ายขาดจากตำแหน่งเดิมไปก่อนหน้า อยู่ระหว่างตรวจสอบ จ่อออกหมายเพิ่มอีกหลายราย ส่วน “สารวัตรเอี๊ยด” โดนเพิ่มอีก 2 ข้อหาฐานพกปืน-วิทยุเถื่อน
กรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พร้อมชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนอีก 17 นาย ร่วมกันสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มบุคคลแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงไปกระทำการอันมิบังควร เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ก่อนคณะสืบสวนสอบสวนเตรียมนำกลุ่มบุคคลผู้กระทำผิดไปฝากขังที่ศาลทหารตามขั้นตอน
ยื่นเอกสารฝากขัง 3 ผู้ต้องหา
ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ต.ค. พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6 ซึ่งเป็น 1 ในคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พร้อม พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ นำเอกสารคำร้องมายื่นต่อศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขอฝากขัง 3 ผู้ต้องหาในความผิดคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 ผัดแรก เป็นระยะเวลา 12 วัน ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชยุตเปิดเผยว่า ในเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำผู้ที่ถูกออกหมายจับมาขอฝากขังผัดแรก
...
สารวัตรทหารกำชับเข้มสื่อ
สำหรับบรรยากาศบริเวณด้านหน้าศาลทหารกรุงเทพ มีสื่อมวลชนมาเฝ้ารอทำข่าวจำนวนมาก ท่ามกลางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของสารวัตรทหารกระทรวงกลาโหม โดยกำชับให้สื่อมวลชนติดบัตรแสดงต้นสังกัดให้ชัดเจน ตามข้อปฏิบัติมาตรการรักษาความปลอดภัยของกรมพระธรรมนูญ
อาวุธครบมือคุม “หยอง–เอี๊ยด–อาท”
กระทั่งเวลา 15.00 น. ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน 3 คน แยกนั่งมาในรถตำรวจสายตรวจ บก.ป.คันละ 1 คน โดยคันแรกมี พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด สว.กก.1 บก.ปอท. ในชุดเสื้อยืดคอกลม สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน กางเกงขายาว ศีรษะถูกโกนผม สวมกุญแจมือ คันที่ 2 นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขาฯ คนสนิทหมอหยอง สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าลายทาง กางเกงขายาว สวมกุญแจมือ คันที่ 3 นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขายาว ศีรษะถูกโกนผม สวมกุญแจมือ ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของตำรวจ กก.ปพ.บก.ป. (คอมมานโด) 10 นาย ทหาร 10 นาย อาวุธครบมือ และตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 15 นาย คุมตัวทั้งสามอย่างใกล้ชิด โดยมี พ.ต.ต.ปรากรม เดินนำหน้าส่วนนายสุริยันเดินเข้ามาเป็นรายสุดท้าย ขึ้นไปชั้นบนของศาลทหารกรุงเทพเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการฝากขัง
“ศรีวราห์” ระบุผิดตาม ม.112
จากนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่นำตัวมาทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ ถูกข้อกล่าวหาแอบอ้างเบื้องสูง ตาม ม.112 ทั้งหมดให้การรับสารภาพ ส่วนหลักฐานและพฤติการณ์ที่จะบ่งชี้ความผิดอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ วันนี้นำตัวทั้ง 3 คนมาฝากขัง หลังจากทหารนำตัวผู้ต้องหามาส่ง ทางพนักงานสืบสวนสอบสวน พยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนจะเชื่อมโยงกับตำรวจสังกัด บช.ก.ทั้ง 8 นายหรือไม่นั้น หากมีหลักฐานต้องดำเนินการ หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานให้อัยการทหารส่งฟ้อง หากพบหลักฐานพาดพิงถึงผู้ร่วมขบวนการรายอื่นก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน
มีพฤติกรรมนาน 1–2 เดือน
เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มีพฤติกรรมมานานหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า พบกระทำมานานพอสมควร ประมาณ 1-2 เดือน ส่วนทำเป็นขบวนการมากกว่า 3 คนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ไม่สามารถตอบได้ตอนนี้ รายละเอียดอยู่ในหมายบอกได้แค่มีหลายคน ถ้าเห็นออกหมายอีกก็จำนวนเท่านั้น อาจมีอีก มากกว่า 3 คนขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ตอบไม่ได้ว่าส่วนใหญ่เป็นตำรวจ ทั้งนี้ยืนยันว่าพาดพิงถึงใครประกอบกับมีหลักฐานต้องดำเนินการ โดยคดีแอบอ้างเบื้องสูงถือว่ามีความผิดร้ายแรง เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจนกว่าจะสิ้นกระแส ส่วนจะเรียกพยานมาสอบสวนเพิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลักฐาน
ตร.บช.ก. ทั้ง 8 นายถูกพาดพิง
เมื่อถามว่า นายตำรวจสังกัด บช.ก.ทั้ง 8 นายที่ถูกโยกย้ายถูกออกหมายจับหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังไม่มีการออกหมายจับ เพราะอยู่ในช่วงพิจารณาหลักฐาน หากใครผิดก็ต้องดำเนินการ ส่วนทั้ง 3 คนซัดทอดไปยังนายตำรวจทั้ง 8 นายหรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่พยานหลักฐานจะบอกว่าซัดทอดคงไม่ได้แต่มีการพาดพิงถึง สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ ตนไม่ทราบว่าขณะนี้ออกจากราชการหรือไม่ เพราะไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา แต่รายงานไปยังต้นสังกัด ส่วนจะมีคำสั่งให้ออกราชการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับต้นสังกัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ติงไม่ควรเอามาพูดสนุกปาก
ต่อข้อซักถามกรณีนายสุริยัน หรือหมอหยอง ต้องยุติบทบาทการทำงานทั้งหมดหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เมื่อเป็นผู้ต้องหาถูกจับกุมและถูกคุมขัง ตนไม่ทราบว่าจะต้องยุติหรือไม่ แต่ขณะนี้เขาเป็นผู้ต้องหาแล้ว คดีนี้เป็นคดีหมิ่นเบื้องสูง ไม่สมควรนำมาพูดกันให้สนุกปาก ตนมีหน้าที่ทำตามกฎหมายต้องดำเนินการ ส่วนจะต้องเรียกพยานที่เป็นนักธุรกิจมาสอบปากคำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าหลักฐานพาดพิงไปถึงผู้ใด ต้องเรียกมาสอบสวนตามกฎหมาย
...
คุมตัวไปขังต่อที่ พัน.ร.มทบ.11
ต่อมาเวลา 16.30 น. พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนออกจากศาลทหาร นำไปฝากขังต่อที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี หรือกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยคุมตัวผู้ต้องหาแยกย้ายกันนั่งรถคันเดิม ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่าผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล
แจกเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้า พล.ต.ท.ศรีวราห์ แจกเอกสารให้กับผู้สื่อข่าว เรื่องการจับกุมผู้ต้องหาแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง มีใจความว่า ด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตรวจพบว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำความผิดโดยมีพฤติการณ์แอบอ้างหรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรม ต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชน หรือบุคคลโดยทั่วไปเข้าใจว่าตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูงและได้เรียกหรือรับผลประโยชน์กับการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งได้กระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆ อีกหลายฐานความผิด การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันฯ และความเสียหายอื่นๆในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเพื่อสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้ จากการซักถามพบว่ามีมูลกระทำความผิดจริง จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนิน คดีกับผู้กระทำผิดฐาน “หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112
“เอี๊ยด” โดนเพิ่มมีปืน-วิทยุเถื่อน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่งที่ 578/2558 ลงวันที่ 16 ต.ค.58 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าและ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.เป็นรองหัวหน้า กับพวกร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิด ประกอบด้วย 1.นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ อายุ 53 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 127/35 พหลโยธินปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กทม. หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 27/2558 ลงวันที่ 18 ต.ค.58 ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ 2.นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ อายุ 39 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 26/66 ถนนสังขวิทย์ ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 30/2558 ลงวันที่ 21 ต.ค.58 ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และ 3.พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อายุ 44 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 1 ห้อง 1914 คอนโดลาเมซอง ซอยพหลโยธิน 24 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 29/2558 ลงวันที่ 20 ต.ค.58 ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง มีและใช้วิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ
...
เตรียมขยายผลฐานความผิดอื่น
ทางพนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลทหารกรุงเทพ และศาลได้อนุมัติออกหมายจับบุคคลดังกล่าวดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาวันที่ 21 ต.ค.58 ครบกำหนดควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารส่งตัวบุคคลดังกล่าวมอบให้พนักงาน สอบสวน จึงได้แจ้งข้อหาและจับกุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี จากการสอบสวนผู้ต้องหานายสุริยันต์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่เหลือให้การปฏิเสธหลังจากสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนจะยื่นคำขอผัดฟ้องฝากขังผู้ต้องหาต่อศาล ทหารกรุงเทพในวันเดียวกัน โดยหากปรากฏพยานหลักฐานการกระทำความผิดในคดีจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตรวจเข้มหน้าเรือนจำชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี (พัน.ร.มทบ.11) ถนนพระรามที่ 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต หลังตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้งสามมาฝากขังเป็นผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ในช่วงเย็นวันเดียวกันว่า มีทหารวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านเข้า-ออกอย่างละเอียด พร้อมบันทึกภาพหมายเลขทะเบียนด้วยกล้องดิจิตอล ส่วนประตูที่ใช้ในการเข้า-ออกนั้นยังเปิดปกติทั้งประตูทางด้านหน้า ถนนพระราม 5 และประตูทางด้านถนนอำนวยสงคราม ทั้งนี้ ทหารไม่อนุญาตให้ตั้งกล้องบันทึกภาพที่ด้านหน้าเรือนจำชั่วคราว แต่ให้สังเกตการณ์อยู่บริเวณด้านนอกเท่านั้น
เผยประวัติ “หมอหยอง”
สำหรับนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง อายุ 53 ปี โด่งดังเป็นที่รู้จักในฐานะนักโหราศาสตร์ ที่นำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำนาย ประกาศหยุดทำนายแบบธุรกิจอย่างเด็ดขาดในปี 32 ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ กลับมาเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมทั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร ฝ่ายประชาสัมพันธ์ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดงานกิจกรรมพิเศษ โครงการ Bike for Mom และอื่นๆอีกหลายตำแหน่ง ส่วนนายจิรวงศ์ วัฒนาเทวาศิลป์ หรืออาทนั้น เป็นเลขาฯคนสนิทใกล้ชิดกับ “หมอหยอง” กระทั่งถูกจับดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน
...
“เอี๊ยด” เคยถูกให้ออกมาแล้ว
ส่วน พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด สว.กก.1 บก.ปอท. ช่วงต้นของการรับราชการเคยรับหน้าที่เป็นอนุกรรมการจัดซื้อจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ทดแทนระบบคอมพิวเตอร์เดิมที่ล้าสมัย จากนั้นอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศฯ โดยช่วงที่บวชเป็นพระภิกษุและลาสิกขา ได้ทำหน้าที่ตามเสด็จสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นที่มาของคำเรียกว่า “นายเวรพระสังฆราช” มีหน้าที่คอยดูแลรับใช้ ดูหมายเสด็จ มีนามเรียกขานว่า “นว.รังษี 1” ออกวิทยุสื่อสารประสานงานตำรวจ ถูกกล่าวหาว่า ปลอมลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช เรื่องเส้นทางเสด็จ จนเป็นสาเหตุถูกให้ออกจากราชการเมื่อปี 41 ภายหลัง พ.ต.ต.ปรากรมพ้นข้อกล่าวหาเนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี และผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทิน ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จบการศึกษาระดับปริญญาโท หลายสาขา โดยเฉพาะด้านคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสื่อสารและไอที กระทั่งเมื่อต้นปี 58 ที่ประชุม ก.ตร. ยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กลับเข้ารับราชการ เลื่อนยศเป็น พ.ต.ต. สังกัด บก.ปอท. มีส่วนร่วมจับกุมผู้ต้องหาสำคัญหลายคดี อาทิ การขยายผลจับกุมเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.
ผบ.ตร.เผยขยายผล 8 นาย ตร.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เซ็นคำสั่งให้ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา 1 ในผู้ต้องหาคดีแอบอ้างเบื้องสูง ออกจากราชการไว้แล้ว ขณะนี้พบตำรวจกระทำผิด 1 นาย อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม เป็นอำนาจหน้าที่ของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี เบื้องต้นทั้ง 3 คนรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายตำรวจสังกัด บช.ก. 8 นาย ที่ถูกสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.บช.ก. อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลว่ากระทำผิด ลักษณะเดียวกันหรือไม่ รวมทั้งขยายผลไปถึงตำรวจนายอื่นด้วย
“บิ๊กป้อม” สั่งดำเนินการเข้ม
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของกองทัพเป็นผู้ร้องขอให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนในความผิด ไม่ได้สั่งการวางนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากมีการพาดพิงถึงบุคคลใด ตำรวจต้องนำตัวมาดำเนินคดี สำหรับการจับกุมบุคคลที่หมิ่นสถาบันและแอบอ้างเบื้องสูงที่ผ่านมา มีการดำเนินการมาแล้วหลายครั้ง จึงฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อและไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าว
สั่งเด้ง 5 ตร.ชั้นประทวน บก.ป.
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจาก บก.ป. ว่า พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.ป. สั่งการอาศัยอำนาจตามความใน ม.72 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ข้อ 8 (3) ให้ ส.ต.ต.สายชล ศิลาไศล ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป. ส.ต.ต.อภิวัฒน์ นาคจีน ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป. ส.ต.ต.ราชฤทธิ์ พวงไสว ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป. ส.ต.ต.สารัตน์ แก้วดอนโมง ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป. ส.ต.ต.คมสัน ชงสกุล ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป. ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.บก.ป. และรายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ภายในเวลา 08.30 น.วันที่ 21 ต.ค. พร้อมสั่งการให้ ผกก.ฝอ.บก.ป. จัดให้มีการลงชื่อปฏิบัติราชการมอบหมายภารกิจปฏิบัติหน้าที่ตามเห็นสมควร