ชูวิทย์ยื่นเรื่อง ขอรับสารภาพ แทนที่ปฏิเสธ
“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพในคดีรื้อบาร์เบียร์ปี 46 ศาลต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปเป็น 28 ม.ค.59 เจ้าตัวบอกหลังยื่นคำร้องเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะไม่สามารถโกหกตัวเองได้ ขณะที่ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊ป ไม่มาฟังคำพิพากษาเป็นหน 2 ศาลสั่งออกหมายจับและปรับนายประกัน
ที่ห้องพิจารณา 601 ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และกลุ่มผู้ค้าทั้งหมด 44 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตผู้บริหาร บ.สุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บก.สส. (ยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร อดีตนายทหารสังกัด ร.11 รอ. (ยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) กับพวกร่วมเป็นจำเลยที่ 1-130 ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืนและกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ จากกรณีใช้กำลังเข้ารื้อถอนบาร์เบียร์ในพื้นที่ย่านซอยสุขุมวิท 10 เมื่อปี 46
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จากเดิมที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เป็นให้จำคุกนายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญเทพ กับพวกรวม 66 ราย คนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา นัดนี้นายชูวิทย์และ พ.ท.หิมาลัยเดินทางมาฟังคำพิพากษา ขณะที่ พ.ต.ธัญเทพไม่มาศาล โดยนายชูวิทย์ยื่นคำให้การขอถอนคำให้การเดิมจากที่ปฏิเสธเปลี่ยนเป็นรับสารภาพ พร้อมขอให้ศาลลงโทษในสถานเบา ทำให้ศาลต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นเวลา 14.00 น.ของวันเดียวกัน
ต่อมาเวลา 14.30 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์อีกครั้ง หลังศาลชั้นต้นส่งคำร้องของนายชูวิทย์ให้ศาลฎีกาทางโทรสาร แล้วศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปและให้ส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนศาลฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 28 ม.ค.59 ส่วน พ.ต.ธัญเทพ หรือ เสธ.แอ๊ป ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาเป็นครั้งที่ 2 ศาลให้ออกหมายจับและปรับนายประกัน เช่นเดียวกับจำเลยที่ 18 40 68 73 112 และ 115
...
ภายหลังนายชูวิทย์เปิดเผยว่า หลังจากใคร่ครวญเรื่องนี้แล้ว พบการพูดความจริงทำให้รู้สึกปลดปล่อยมากสุด หลังต่อสู้มา 12 ปี สิ่งที่ทำไปจากการเป็นนักธุรกิจ ทำให้รู้สึกอึดอัด ที่รับสารภาพยอมรับผิดและอยากให้ประชาชนพิจารณาว่าการทำอะไรก็ไม่เท่ากับการพูดความจริง หลังตรึกตรองมา 2 วัน จึงยื่นคำร้อง ทำให้เหมือนยกภูเขาออกจากอก ถึงตนจะโกหกพ่อ แม่ ภรรยาได้ แต่ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ หวังว่าประชาชนจะเข้าใจและให้โอกาส ส่วนค่าเสียหายชดใช้ไปแล้วร่วม 100 ล้านบาท หลังจากนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรต้องการเพียงขอให้ศาลลงโทษสถานเบา ส่วนที่ดินแปลงปัญหาซื้อมา 500 ล้านบาทจากธนาคารที่รับปากจะดำเนินการให้ แต่ด้วยความเป็นนักธุรกิจและความโง่เขลาเบาปัญญาจึงบีบคั้นให้ทำลงไป