ป.ป.ช. สนธิกำลังทหาร มทบ.15 และ สว.เพชรบุรี บุกตรวจสอบนายทุนฮุบถนนสาธารณประโยชน์ บริเวณชายหาดชะอำ ฝั่งทิศเหนือ ระหว่างหน้าวัดเนรัญชราราม ถึงสะพานปลาชะอำ เขตเทศบาลชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ต.ค. 58 นายโกศล ขำศิริ หัวหน้าชุดอนุกรรมการไต่สวน เรื่องร้องเรียนการตรวจสอบพื้นที่ การออกโฉนดทับทางสาธารณประโยชน์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายหิรัญเศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.จว.นครปฐม คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ และ พ.ต.อ.บัญชา ปั้นประดับ รองผู้บัญชาการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ร.อ.ธีระพงษ์ นามสละ นายทหารรักษาความสงบเรียบร้อย มทบ.15 จังหวัดเพชรบุรี เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ ถนนบริเวณชายหาดชะอำ ฝั่งทิศเหนือ ระหว่างหน้าวัดเนรัญชราราม ถึง สะพานปลาชะอำ เขตเทศบาลชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มนายทุนหรือหน่วยงานภาครัฐ ออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินทับถนนสาธารณประโยชน์ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มี น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบุรี และชาวบ้านอำเภอชะอำ ซึ่งพักอาศัยและประกอบอาชีพในบริเวณดังกล่าวร่วมให้ข้อมูล
จากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่พิพาทและมีการตรวจสอบ พบว่า สุขาภิบาลตำบลชะอำ (ปัจจุบันยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองชะอำ) ได้จัดงบประมาณแผ่นดินก่อสร้างเป็นถนนสาธารณประโยชน์ (ปัจจุบันถนนกว้างประมาณ 6 เมตร ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร) ให้ชาวบ้านใช้ร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 โดยมีการลงนามบันทึกปรากฏเป็นหลักฐานในบันทึกข้อตกลงที่ นางปราณี เอกบุตร ในฐานะรองผู้จัดการ บริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ทำไว้กับ นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ นายอำเภอชะอำ ทำหน้าที่ประธานสุขาภิบาลตำบลชะอำ ระบุให้แนวถนนทางสาธารณะอยู่ห่างแนวเขตด้านทิศตะวันออกของบริษัทฯ 5 เมตร
...
โดยหลังทำข้อตกลง สุขาภิบาลตำบลชะอำได้สร้างถนน และประชาชนใช้ประโยชน์มากระทั่งปัจจุบัน ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง เนื่องจากมีการก่อสร้างเขื่อนหินลำเลียงปูนซีเมนต์ของ บริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด ได้ก่อสร้างยื่นไปในทะเล ทำให้กระแสคลื่นได้พัดพาทรายตะกอนมากอง จนทำให้เกิดเป็นที่งอกในแนวชายหาด ติดกับเขื่อนหินเป็นบริเวณกว้าง บริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท์ฯ ได้ ขอรังวัดออกโฉนดเอาที่ตะกอนทรายดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของถนนสาธารณประโยชน์ ที่ทางสุขาภิบาลตำบลชะอำได้ทำการก่อสร้างไว้เป็นกรรมสิทธิ์ โดยอ้างว่าทางดังกล่าวไม่ใช่ทางสาธารณประโยชน์ แต่เป็นที่งอกจากที่ดินของบริษัทฯ และมีการร้องเรียน เกิดกรณีพิพาทขับไล่ชาวบ้านที่ปลูกที่พักอาศัย และตั้งร้านประกอบธุรกิจในพื้นที่งอก
แม้ชาวบ้านในพื้นที่จะยืนยันว่า ที่ดินที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์เป็นที่ดินที่งอกจากชายหาดมาแต่เดิม และชาวบ้านอยู่ รวมทั้งใช้สัญจรตามวิถีทำกินทั่วไปมาหลายสิบปีแล้วแต่ไม่เป็นผล ต่อมาบริษัทได้นำไม้กั้น ตู้คอนเทนเนอร์ และหินขนาดใหญ่หนักหลายตัน มากองปิดกั้นทางไม่ให้ชาวบ้านสัญจร โดยอ้างว่าที่ดินทั้งผืนเดิม ถนน และพื้นที่ที่งอก เป็นที่ดินในกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ กระทั่งชาวบ้านได้ร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แก้ไข จนบริษัท ชะอำดีเวลลอปเม้นท์ฯ ได้นำสิ่งขวางทางทั้งหมดออก ชาวบ้านจึงได้ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ทำการตรวจสอบ เนื่องจากคาดว่าที่ดินที่ใช้เป็นเส้นทางสัญจร เป็นทางสาธารณประโยชน์หรือไม่ และเป็นการออกโฉนดคร่อมทับทางสาธารณะหรือไม่
นายหิรัญเศรษฐ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทราบว่าชาวบ้านได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองว่า การออกโฉนดของบริษัทเป็นการออกโฉนดที่มิชอบ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งต้องรอฟังคำตัดสินของศาลเป็นผู้ชี้ขาดกรรมสิทธิ์ ตามคำพิพากษาของศาล ส่วนในกรณีนี้เป็นการร้องเรียนให้ ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบว่า ถนนที่อยู่ระหว่างที่ดินของบริษัทฯ และที่ดินที่งอกชายฝั่งทะเลนั้น เป็นถนนหรือทางสาธารณประโยชน์หรือไม่ หากเป็นทางสาธารณประโยชน์ เจ้าหน้าที่รัฐทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จากการเดินสำรวจและตรวจสอบเอกสารบางส่วน พบหลักฐานที่ปรากฏชัดในการพิจารณาข้อเท็จจริงบางส่วน โดยต้องรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน นำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจสอบ และพิจารณาต่อไป