จากที่ประเทศจีนวางมาตรการเข้มงวดตรวจ สอบสินค้าที่ออกจากท่าเรือเชียงแสน ไปยังชายแดนจีนที่ท่าเรือกวนเหลย ทำให้สินค้าที่ส่งออกจากท่าเรือเชียงแสนต้องชะงัก ผู้ส่งออกไม่กล้าส่งสินค้าไปกับเรือ เนื่องจากไม่รู้ว่าทางการจีนจะตรวจสอบสินค้าที่ไปจากไทยอย่างไร ทำให้เรือสินค้าทั้งจีนและลาวจอดเทียบท่าไม่ได้ขนส่งสินค้าเป็นเวลาร่วมเดือน

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา ประธานหอการค้า อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ความเป็นจริงแล้วเรือบรรทุกเนื้อแช่แข็งที่ส่งออกไป ทั้งเรือลาว เรือห้องเย็นจีน ลอยลำอยู่ในแม่น้ำโขงเยอะมากต้องการส่งออกไปจีนแต่เนื่องจากจีนมีระเบียบมาตรฐานสินค้าเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าบางประเภท เช่น ข้าวกับน้ำตาล ไม่มีโควตาให้ส่งออกกับเมืองท่าแถบชายแดน จึงได้ส่งกองกำลังทหารจากมณฑลอื่นมาตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่พื้นที่ คอยเฝ้าทุกด่าน เรือบางลำทนกับสภาวะ ขาดทุนไม่ไหว ทั้งเรือลาวที่ใช้วิธีคลุมผ้าห่ม เพื่อรักษาอุณหภูมิ หรือการปั่นไฟเพื่อทำความเย็น ประกอบกับเทศกาลวันหยุดยาววันชาติจีน คือที่มาของการดิ้นรน หนีภาวะขาดทุน และต้องรับผิดชอบสินค้า

...

น.ส.ผกายมาศกล่าวอีกว่า เรือบางลำที่ขนสินค้าไปแล้ว พอถึงท่าเรือกวนเหลยขนสินค้าขึ้นไม่ได้ยอมทนลอยลำในแม่น้ำ พอนานเป็นเดือนก็มีปัญหากับเจ้าของสินค้า เพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม บางรายขาดทุนยับเยิน ต้องขนสินค้าย้อนกลับไทย แม้จะขาดทุนก็ตาม มีเรือจีนและเรือลาว เมื่อปลายทางไม่พร้อมรับสินค้า ปัจจุบันมีเรือสินค้าลาวในแม่น้ำโขงเส้นทางเชียงแสนขึ้นเหนือมีมากกว่า 350 ลำ ขณะนี้มีปัญหาที่ต้องช่วยกันและแก้ไขเพื่อให้เส้นทางขนส่งสินค้านี้ยั่งยืน สินค้าผ่านแดนและสินค้าไทยเองก็จะไปได้อย่างลื่นไหล ไม่เช่นนั้นการค้าชายแดนด้านอำเภอเชียงแสนสะดุดแน่นอน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนานเป็นเดือนแล้ว จึงอยากสะท้อนปัญหาที่มีผลกระทบกับผู้ค้าชายแดนอย่างมาก และมีผลกับการส่งออกของไทยให้กับทางรัฐบาลได้รู้ เพื่อได้มาแก้ปัญหาการค้าชายแดนอย่างยั่งยืน

ทางด้านนายสุรนาท ศิริโชติ เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากที่ทางการจีนได้ตรวจเข้มสินค้าที่ส่งออกไปจากไทยที่ท่าเรือเชียงแสน ทำให้เรือสินค้าของจีนและลาวที่มาขนสินค้าลดลงอย่างมาก จากเดือนสิงหาคมมีเรือสินค้าแจ้งเข้าท่าเรือเชียงแสน 1,589 ลำ เดือนกันยายนถึงวันที่ 26 ก.ย. มีเรือแจ้งเข้ามาเพียง 662 ลำ ลดลงกว่าครึ่ง.