ผบ.ตร. ย้ำ ออกหมายจับใครต้องมีพยานหลักฐานชี้ชัด โดยเฉพาะ ผู้ต้องสงสัย 3 ราย ที่ตร.มาเลย์จับกุมตัวได้ เบื้องต้น เชื่อไม่น่าเกี่ยวบึมราชประสงค์ แต่โยงการค้ามนุษย์...

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2558 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบเงินสนับสนุนและเครื่องช่วยความพิการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการตำรวจพิการจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. ว่า กรณีชุดสืบสวน และทหารค้นห้องพักซอยอ่อนนุช ย่านพระโขนงของชาวปากีสถาน 2 ราย คงต้องรอดูพยานหลักฐาน ว่าเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่ อย่างไร จะรีบร้อนไม่ได้ เพราะการจะเสนอศาลให้ออกหมายจับ ต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอ หากเสนอแล้วศาลไม่พิจารณาก็เสียหาย ดังนั้นต้องใจเย็นๆ ส่วนจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอย่างไรอีกหรือไม่ขึ้น อยู่กับพนักงานสอบสวนว่า สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้มากน้อยแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. และคณะ เดินทางไปพบผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลมาเลเซีย มีความชัดเจนมากน้อยแค่ไหน กรณีผู้ต้องสงสัย 3 คน ที่จับได้มีส่วนเชื่อมโยงกับการลักลอบพาผู้ต้องสงสัยหลบหนี ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ว่า ได้หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนไปขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยที่ทางการมาเลเซียควบคุมตัวไว้

เบื้องต้น ได้รับรายงานทั้ง 3 คน ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่ที่ทางการมาเลเซียควบคุมตัวไว้ เนื่องด้วยเหตุผลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม แต่ทั้งนี้ต้องรอผลการสอบสวนของทางมาเลเซียก่อน ว่าคนเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดในเมืองไทยหรือไม่ หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น เช่น การช่วยเหลือ หรือสนับสนุนการเคลื่อนย้ายของชาวอุยกูร์ หรือชาวโรฮีนจาแบบผิดปกติ กรณีที่มีข่าวว่าเราไปติดต่อขอรับตัวผู้ต้องหานั้น ยืนยันไม่ใช่ ยังไม่ถึงขั้นนั้น 

...

อย่างไรก็ตาม ทางมาเลเซียและไทย มีการประสานงาน ทำงานร่วมกันทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และความร่วมมือในการทำงานด้านต่างๆ ซึ่งวันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็จะส่ง พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จตร. เข้าไปประสานงานกับทางมาเลเซีย ทั้งนี้ ตำรวจพยายามทุกวิถีทางเมื่อมีข่าวหรือมีสิ่งบอกเหตุ หรือน่าเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปอยู่ที่ใด แต่การจะกระทำการใดๆ ในประเทศอื่น เราต้องเคารพสิทธิ กฎหมาย สนธิสัญญาที่มีต่อกันด้วย ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ทูตตุรกีประจำประเทศไทย ร่วมกันตรวจสอบพาสปอร์ต 200 กว่าเล่มที่ยึดได้จากห้องพัก พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก ได้ตรวจสอบพบบุคคลที่คาดว่า จะมีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำให้การของผู้ต้องสงสัยต่อพนักงานสอบสวน แต่ทั้งนี้คำให้การของผู้ต้องสงสัยจะต้องหาข้อมูล และหลักฐานอื่นๆ มาประกอบ ว่าสอดคล้องพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะเราไม่สามารถเชื่อคำให้การของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดได้ เพราะอาจจะพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงหรือพูดเพื่อให้พ้นผิด เป็นหน้าที่ฝ่ายสอบสวนต้องค้นหาความจริง

ส่วนกรณีที่ นายชูชาติ กันภัย ทนายได้เดินทางเข้าพบพูดคุยกับ นายอาเดม คาราดัก ก็เป็นสิทธิที่จะสามารถกระทำได้ อย่างที่บอกคำให้การหรือคำพูดของผู้ต้องหา ไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด ต้องอาศัยหลักฐานอื่นๆ ประกอบด้วย เพื่อยืนยันให้ได้ว่าเขาเป็นผู้กระทำผิดจริง.