สุนัข ถือเป็นสัตว์ที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ มีสัญชาตญาณในการค้นหาดีเยี่ยม ความสามารถในการรับรู้ของสุนัขจะดีและว่องไวมากกว่าคน หูสุนัขจะรับรู้ในการได้ยินดีกว่าคน 20 เท่า ตาสุนัขสามารถมองเห็นได้ดีกว่าคน 10 เท่า และจมูกสุนัขสามารถรับกลิ่นได้มากกว่าคนถึง 40 เท่า ด้วยลักษณะนิสัยของสุนัข ทำให้คนใช้ประโยชน์จากลักษณะนิสัย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนค้นหาระเบิด ยาเสพติด ค้นหาคนร้ายหรือคนหาย โดยอาศัยสัญชาตญาณที่มีอยู่มาช่วย
ย้อนไปเมื่อ 61 ปีที่แล้ว พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจได้เป็นผู้คิดริเริ่มให้ตำรวจไปเรียนเกี่ยวกับการบังคับสุนัขที่ต่างประเทศ พร้อมกับนำตัวสุนัขตำรวจกลับมา กระทั่งมาถ่ายทอดความรู้รุ่นสู่รุ่น และยังได้ก่อตั้งกองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจขึ้นในประเทศไทย สุนัขตำรวจได้ช่วยราชการในหลายๆ คดีจนสำเร็จลุล่วงไปได้ แม้กระทั่งปัจจุบันที่เห็นกันอยู่ตามข่าวต่างๆ ที่มีสุนัขตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตรวจหาวัตถุตามแต่สถานการณ์ของบ้านเมือง แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของสัตว์สี่ขาเหล่านี้มากขึ้น
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พาผู้อ่านไปรู้จักเจ้าสี่ขาผู้กล้าหาญของกองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ ผ่านถ้อยคำบอกเล่าของ พ.ต.ท.ชัชชัย เศรษฐีพันล้าน รอง ผกก.สุนัขและม้าตำรวจ ว่ามีการฝึกฝนอย่างไร กว่าจะได้ออกปฏิบัติภารกิจสุดเสี่ยงเช่นนี้ รวมถึงสุนัขพันธุ์ใดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเป็นสุนัขตำรวจ รายละเอียดต่างๆ ติดตามได้ด้านล่าง...
...
K9 = Canine แปลว่า สัตว์ตระกูลสุนัข
หลายคนคงเคยรู้จักคำว่า K9 ซึ่งเป็นคำพ้องเสียงมาจากคำว่า Canine ที่แปลว่า สัตว์ตระกูลสุนัข โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดคุณสมบัติที่เป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกสุนัข เพียง 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศแคนาดา และ เยอรมัน เชฟเฟิร์ด (German Shepherd) หรือที่เรียกกันว่า แอลเซเชียน เป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมนี ซึ่งโดยทั่วไปเซลล์ในการรับกลิ่นของสุนัขจะมากกว่าคน ประมาณ 40 เท่า รวมถึงสุนัขแต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกัน แต่ทั้งสองสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะของจมูกที่ยาว และมีทักษะดมกลิ่นมากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น โดยรับกลิ่นได้มากถึง 220 เซลล์
“การซื้อสุนัขเพื่อนำมาฝึกเป็นสุนัขตำรวจ จะมีการจัดซื้อจัดจ้างเปิดซองประมูลราคากัน โดยจะต้องคัดเลือกสุนัขตามคุณสมบัติที่ สตช. กำหนดไว้ เช่น สุนัขต้องเป็นตัวผู้เท่านั้น ถ้ามีตัวเมียจะทำให้เบี่ยงเบนความสนใจจากการทำงาน สุนัขจะต้องมีอายุ 4-6 เดือน นอกจากนี้ จะต้องฝึกทดสอบลักษณะนิสัยความว่องไวต่อสิ่งเร้า หากไม่ตรงตามคุณสมบัติก็จะส่งกลับไปเปลี่ยนเอาตัวอื่นมาแทน ทำให้คนขายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำในลักษณะของการเพาะเลี้ยงและขาย เพราะจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแล ได้กำไรน้อย แต่จะใช้วิธีการเพาะพันธุ์ขายตั้งแต่ยังเล็กมากกว่า อนาคตจึงมีแผนที่จะเพาะพันธุ์สุนัขเอง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้” พ.ต.ท.ชัชชัย กล่าว
...
สุนัขตำรวจตัวที่แพงที่สุด มีราคาสูงถึง 6 ล้านบาท!
ทีมข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า สุนัขราคาแพงที่สุดและถูกที่สุดมีราคาเท่าไหร่ โดย พ.ต.ท.ชัชชัย ให้คำตอบในทันทีว่า แพงที่สุดได้มาจากทูตของสหรัฐฯ เป็นผู้มอบให้ ราคา 6 ล้านบาท ทางสหรัฐฯ เป็นผู้ตีราคาจากการที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ส่วนราคาจัดซื้อจัดจ้างโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-50,000 บาท
สำหรับกิจวัตรประจำวันของสุนัขตำรวจ พ.ต.ท.ชัชชัย ให้ข้อมูลว่า ช่วงเช้าผู้บังคับสุนัขจะนำสุนัขมาปล่อยจากกรงเพื่อขับถ่าย ออกกำลังกาย แปลงขน รวมถึงการฝึกฝนตามสายงาน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะพาเข้าคอกเพื่อพักผ่อน และให้อาหารมื้อเดียวคือตอนบ่ายสามโมง ส่วนอาหารจะมีนม อาหารเม็ดเป็นหลัก ได้ประโยชน์ครบ ยกเว้นแต่ว่าบางตัวผู้บังคับสุนัขใส่ใจ มีความผูกพัน อาจไปซื้อตับ ไก่ย่าง มาให้กินเป็นกรณีพิเศษ เพื่อแสดงความรัก ก็เป็นเทคนิคอีกอย่างเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี งบประมาณที่ใช้ในการดูแลสุนัขไม่มาก สุนัข 1 ตัว ใช้งบประมาณวันละ 100 บาท เป็นค่าอาหารและค่ารักษาพยาบาล ยกเว้นการผ่าตัดหรือป่วยหนัก
แต่อย่างไรก็ดี กว่าจะมาเป็นสุนัขตำรวจได้นั้น ไม่ได้ผ่านกันง่ายๆ โดย พ.ต.ท.ชัชชัย อธิบายว่า ขั้นตอนการฝึกฝนสุนัขตำรวจจะมี 2 ระดับ คือ ฝึกเบื้องต้นและฝึกตามสายงาน โดยใช้ระยะเวลาในการฝึกทั้งหมด 16 สัปดาห์ เช่น เรียกให้มาหา ชิด นั่ง นั่งคอย หมอบ หมอบคอย ยืน ยืนคอย สุนัขจะต้องรู้จัก รวมถึงสุนัขต้องรู้เกี่ยวกับสิ่งกีดขวาง หลังจากฝึกฝนเบื้องต้นเสร็จแล้ว ก็จะแบ่งแยกตามประเภทสายงาน โดยผู้บังคับการฝึกจะดูว่าสุนัขตัวนี้เหมาะกับสายงานไหน ไม่ใช่ว่าสุนัขทุกตัวจะฝึกได้ทุกสายงาน ฉะนั้น จึงต้องมีการทดสอบทักษะความสามารถของแต่ละตัวก่อน
...
คุณสมบัติสุนัขตำรวจใน 4 ประเภทสายงาน
1. สุนัขประเภทพิสูจน์กลิ่นยาเสพติดทุกชนิด สุนัขจะต้องไม่ก้าวร้าวกับคน ไม่กลัวเสียงดัง ไวต่อสิ่งเร้าหรือการเล่น ถ้าสุนัขตัวนี้ยิ่งชอบเล่นมากเท่าไหร่ยิ่งเหมาะกับสายงานยาเสพติด
2. สุนัขประเภทค้นหาวัตถุระเบิด สุนัขจะต้องมีความกล้าหาญ ไม่ก้าวร้าวกับคน ไม่กลัวเสียงดัง ไวต่อสิ่งเร้า แต่การไวต่อสิ่งเร้าของสายงานวัตถุระเบิดจะแค่ปานกลางไม่ถึงขั้นมาก เพราะว่าถ้าเกิดสุนัขประเภทสายงานวัตถุระเบิดบ้าเล่นถึงขนาดมาก จะเกิดอันตรายขึ้นได้
3. สุนัขประเภทพิสูจน์กลิ่นของกลางในคดีอาญา สุนัขจะต้องไม่ก้าวร้าวกับคน ไม่กลัวเสียงดัง ไวต่อสิ่งเร้า หากมีคดีข่มขืนและคนร้ายทิ้งวัตถุพยานไว้เป็นหลักฐานกางเกงใน เสื้อ ถุงเท้า รองเท้า แล้วเก็บได้ในที่เกิดเหตุ และนำวัตถุนี้มาเป็นพยาน ประกอบกับมีผู้ต้องสงสัย ก็นำของๆ ผู้ต้องสงสัยมาเทียบกลิ่นกับวัตถุที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ สุนัขสามารถที่จะพิสูจน์ได้ทันที
...
4. สุนัขประเภทสะกดรอย/อารักขา/ควบคุมฝูงชน สุนัขจะต้องมีความเป็นจ่าฝูง กล้าหาญ ไม่กลัวคน ไม่กลัวเสียงดัง ไวต่อสิ่งเร้า และมีความก้าวร้าวนิดๆ เนื่องจากสุนัขประเภทนี้จะต้องปะทะกับคนร้าย จึงจะต้องมีแรงในการต่อสู้
ต่อมา ทีมข่าวได้มีโอกาสดูการฝึกสุนัขตำรวจ ที่กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ โดยขั้นตอนแรกจะเป็นการฝึกเบื้องต้น เช่น ฝึกฟังคำสั่งของผู้บังคับสุนัข การฝึกเกี่ยวกับเครื่องเล่น บันได สะพานแคบ อุโมงค์ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างทักษะต่างๆ ให้แก่สุนัข
พ.ต.ท.ชัชชัย อธิบายให้ทีมข่าวฟังระหว่างการฝึกว่า “เมื่อสุนัขต้องเจอสถานการณ์ที่เป็นสะพานเดี่ยวแคบๆ อุโมงค์มืดๆ หรือแม้แต่เนินสูงๆ เขาจะต้องสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้หมด ส่วนท่ออุโมงค์ใช้กรณีที่แคบและที่มืด ถ้าสุนัขที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมา เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ สุนัขบางตัวก็ไม่ไปหรือไม่ทำเพราะกลัว ฉะนั้นผู้บังคับสุนัขจะต้องฝึกฝนในสถานการณ์จำลอง พร้อมกับออกคำสั่ง เช่น อุโมงค์ จะใช้คำว่า มุด ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ไม่ต้องตามไป แค่สั่งให้เข้าไปดมมาเท่านั้น
ส่วนการที่ผู้บังคับสุนัขสั่งให้สุนัขทำงาน จะแสดงสัญลักษณ์ตบหน้าอก เพื่อให้รู้ว่ากำลังจะทำงาน หลังจากการทำงานเสร็จ ค้นพบแล้วจะต้องรีบเอาของเล่นให้เขา เนื่องจากเป็นการฝึกการรับรู้ว่า เมื่อเขาทำงานเสร็จ เขาจะต้องได้เล่น ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้รู้สึกอยากทำงาน”
ส่องเจ้าหน้าที่สี่ขา โชว์ความสามารถ พิสูจน์ระเบิด & ยาเสพติด แม่นยำไม่มีพลาด!
หลังจากที่ฝึกเบื้องต้นเรียบร้อย สุนัขก็จะแยกประเภทตามสายงานเพื่อไปฝึก โดย เจ้านาธาน สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ สายงานพิสูจน์ยาเสพติด จะเป็นผู้โชว์ทักษะในครั้งนี้ ครูฝึกจะนำยาเสพติดซ่อนอยู่ภายในรถตู้คันหนึ่ง จากนั้นให้ผู้บังคับสุนัขพาเจ้านาธานมายังที่เกิดเหตุจำลอง พร้อมกับตบหน้าอกเจ้านาธาน เพื่อส่งสัญญาณให้รู้ว่ากำลังจะทำงาน และปล่อยให้เจ้านาธานดมกลิ่นค้นหารอบคัน กระทั่งเจ้านาธานคาบยาเสพติดออกมาให้ผู้บังคับสุนัข ก่อนที่ผู้บังคับสุนัขจะโยนของเล่นเพื่อเป็นรางวัลที่ทำงานสำเร็จ
ขณะที่ เจ้าเบลล่า สุนัขสายพันธุ์มาลินอยส์ สายงานพิสูจน์วัตถุระเบิด วัย 1 ปี 6 เดือน มูลค่า 6 ล้านบาท ซึ่งถูกฝึกฝนมาเรียบร้อยแล้วที่สหรัฐฯ ก่อนส่งมอบให้ไทยนำมาใช้งาน โดยครูฝึกจะวางกล่องไว้หลายใบ เพื่อซ่อนวัตถุระเบิด จากนั้นผู้บังคับสุนัขจะนำเจ้าเบลล่าเข้ามาสถานที่เกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์ว่ากล่องใดเป็นกล่องที่มีวัตถุระเบิด เจ้าเบลล่าโชว์ฟอร์มอย่างมั่นใจเดินปรี่ไปยังกล่องใบที่ 4 และนั่งนิ่งจ้องมองไปยังกล่องนั้น เป็นที่รู้กันว่าคือวัตถุระเบิดแน่นอน จากนั้นผู้บังคับสุนัขจึงเรียกเจ้าเบลล่าให้ออกมาจากที่เกิดเหตุ พร้อมกับให้รางวัลเป็นลูกเทนนิสโยนเล่นอย่างสนุกสนาน
ทีมข่าวจึงหันไปถาม พ.ต.ท.ชัชชัย ว่า มีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้สุนัขตำรวจไม่สามารถหาของกลางเจอ โดย พ.ต.ท.ชัชชัย ตอบว่า 1. สุขภาพ ร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรง จมูกแห้งเป็นหวัด 2. มีสุนัขเพศเมียอยู่บริเวณนั้น เพราะจะเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้สุนัขไปสนใจเพศเมียมากกว่า
“หากเป็นยาเสพติดชนิดอื่นๆ ที่ไร้กลิ่นนั้น ถ้าสุนัขผ่านการฝึกฝนมาแล้วสามารถพิสูจน์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่มีการฝึกมาอย่างไรก็หาไม่เจอ เพราะว่ายาเสพติดจะมีสารประกอบเป็นสารตั้งต้น ซึ่งสุนัขจะได้กลิ่นในตัวสาร เช่นเดียวกับความต่างของระเบิดลูกแรกกับระเบิดลูกที่สอง กลิ่นมีความแตกต่างกัน ลูกที่สองจะแตกต่างจากลูกที่ทำงานแล้ว สุนัขก็ยังพิสูจน์ได้ ผมเชื่อว่ายังไม่มีเครื่องมือชนิดใดที่สามารถทดแทนจมูกสุนัขได้” พ.ต.ท.ชัชชัย ชี้แจงอย่างชัดเจน
เปิดไทม์ไลน์อายุราชการของสุนัขตำรวจ
อายุ 4 เดือน : รับสุนัขเข้าสู่การฝึกฝนทั้งหมด 16 สัปดาห์ หรือ 4 เดือน
อายุ 8 เดือน : เริ่มทดลองงานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
อายุ 1 ปีครึ่ง : ผ่านการทดสอบ ได้เลื่อนยศเป็นสุนัขตำรวจตรี ทำงานต่อ 3 ปี
อายุ 4 ปีครึ่ง : เลื่อนยศเป็นสุนัขตำรวจโท ทำงานต่อ 3 ปี
อายุ 7 ปีครึ่ง : เลื่อนยศเป็นสุนัขตำรวจเอก ทำงานต่ออีก 2 ปี
อายุ 9-10 ปี : ปลดประจำการ
พ.ต.ท.ชัชชัย เผยว่า การฝึกฝนเสร็จก่อนที่จะเลื่อนยศนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อทดสอบ เช่น ดมหายาเสพติดในยานพาหนะกี่ครั้งต้องเจอกี่ครั้ง ดมหาในอาคารจะต้องเจอกี่ครั้ง ส่วนใหญ่จะต้องหาให้เจอทุกครั้ง ฉะนั้นสุนัขที่ถูกฝึกจะต้องมีความแม่นยำ อย่างเช่น ยาเสพติดสามารถหาเจอได้ทุกชนิด ถึงแม้ว่าจะมีชนิดที่ไม่มีกลิ่น สุนัขก็สามารถหาได้ เพราะสารตั้งต้นเป็นตัวเดียวกัน
หลังจากที่สุนัขตำรวจปลดประจำการ จะมีการเปิดให้ประมูลสุนัขเป็นล็อตๆ และนำเงินที่ได้จากการประมูลเข้าหลวง สำหรับราคาประมูลตั้งอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาท เนื่องจากสุนัขเป็นพัสดุภัณฑ์อย่างหนึ่ง มีค่าเสื่อมสภาพเช่นกัน แต่หลังจากปลดประจำการไปแล้วก็ยังสามารถที่จะทำงานต่อไปได้อีก ถ้าไปอยู่กับคนที่รักสุนัขอยู่ได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ส่วนใหญ่คนที่ประมูลไปจะเอาไปทำงาน จะเลี้ยงเป็นเพื่อนมากกว่า บางครั้งด้วยความใกล้ชิดผูกพันกันระหว่างผู้บังคับสุนัขกับสุนัข ก็มีการประมูลไปเลี้ยงเองบ้าง
‘เจ้าเอ็กซ์’ วีรบุรุษสี่ขา ปฏิบัติหน้าที่ครั้งสุดท้ายเพื่อชาติ!
เจ้าเอ็กซ์ สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชฟเฟิร์ด เพศผู้สีดำ วัย 6 ปี ผู้มีความกล้าหาญ เสียสละ และจงรักภักดีต่อชาติยิ่งกว่าชีพของตัวเอง ระหว่างที่เจ้าเอ็กซ์ออกไปปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.ภ.จว.ยะลา พบที่พักแรมของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ที่ถูกรื้อถอนออกไปใหม่ๆ จึงให้เจ้าเอ็กซ์ดมกลิ่นจากเสื้อผ้าของคนร้ายที่ทิ้งไว้ แล้วเดินลาดตระเวนเข้าไปในป่าสวนยางเชิงเขา
พ.ต.ท.ชัชชัย เล่าว่า “การรับรู้กลิ่นของสุนัข เมื่ออยู่ในป่าประสาทการรับรู้จะไวมาก เนื่องจากในป่าจะไม่มีกลิ่นของคน ซึ่งกลิ่นของคนก็เหมือนกับลายนิ้วมือจะมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว กลิ่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน เมื่อเจ้าเอ็กซ์ได้กลิ่นจะส่งสัญญาณผ่านการแสดงอาการ เช่น ขนพอง ยืนนิ่ง หูตั้ง หางตั้ง ก็จะบ่งบอก ผู้บังคับสุนัขก็จะรู้แล้วก็จะสั่งให้หมอบ พอทุกคนหมอบเสร็จผู้ก่อการร้ายก็ยิงเข้ามา ทำให้เจ้าเอ็กซ์ตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ก็ถือเป็นวีรกรรมหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าสุนัขมีประโยชน์มากในการใช้ค้นหา ถ้าไม่ได้เจ้าเอ็กซ์คงมีตำรวจเสียชีวิตหลายราย”
ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ จึงได้สร้างรูปปั้นไว้ที่หน้าที่ทำการตึกบัญชาการเพื่อเป็นการยกย่องในวีรกรรมของเจ้าเอ็กซ์ ยอดสุนัขตำรวจผู้พลีชีพเพื่อชาติ
“สุนัขไม่ได้รับเงินเดือน กินอยู่และใช้ชีวิตเหมือนเดิม ไม่ต้องการลาภยศ สรรเสริญ สุนัขต้องการเพียงความรัก การเอาใจใส่ดูแล และทำงานด้วยความจงรักภักดี ไม่กลัวอันตราย นี่คือสิ่งพิเศษของสุนัขที่ยังไม่สามารถหาสิ่งใดมาเทียบเทียมได้” รอง ผกก.สุนัขและม้าตำรวจ