วงจรปิดจับภาพชายต้องสงสัย ชาวเอเชีย คาดเอี่ยวระเบิดใต้สะพานสาทร มีท่าทีพิรุธ ใช้เท้าเขี่ยวัตถุบางอย่างที่นำติดกระเป๋ามาลงน้ำ ในช่วงวันเกิดเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ เชื่อเตรียมการไว้ก่อน เผื่อระเบิดลูกแรกไม่ทำงาน...

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.สั่งการให้ชุดคลี่คลายคดีระเบิดบริเวณหน้าศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ ท้องที่ สน.ลุมพินี จนมีผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จำนวน 20 คน บาดเจ็บนับร้อยราย เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา และชุดคลี่คลายคดีคนร้ายทิ้งระเบิดลงแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินใกล้ท่าเรือสาทร ท้องที่ สน.ยานนาวา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ส.ค. ร่วมกันลงพื้นที่ปูพรมค้นหาพยานบุคคล วัตถุพยาน และหลักฐานจากกล้องวงจรปิดทั้งในจุดเกิดเหตุและในละแวกใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแสล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีจนแทบพลิกแผ่นดินนั้น

ล่าสุดขณะนี้มีรายงานความคืบหน้าของการปฏิบัติงานถึง พล.ต.อ.สมยศ แล้วว่า กล้องวงจรปิดบริเวณใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่บันทึกเอาไว้ไม่สามารถจับภาพระเบิดไปป์บอมบ์ตกจากด้านบนลงมาสู่ผิวน้ำได้แต่อย่างใด ชุดคลี่คลายคดีจึงทดลองตรวจสอบภาพแบบย้อนหลัง สามารถบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวเอเชีย ยังไม่ยืนยันสัญชาติ อายุ 35-40 ปี รูปพรรณผอมสูงราว 170 เซนติเมตร ไว้ผมรองทรง สวมเสื้อยืดสีฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ ไปทำลับๆ ล่อๆ อยู่บริเวณสะพานทางเชื่อมทางเดินระหว่างท่าเรือสาทรกับทางขึ้นลงรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีสะพานตากสิน ในช่วงเวลาประมาณ 19.20 น. วันที่ 17 ส.ค.หลังเกิดเหตุระเบิดจุดแรกที่แยกราชประสงค์เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

...

โดยชายดังกล่าวสะพายกระเป๋าสีดำใส่วัตถุต้องสงสัยบางอย่าง ซึ่งมีลักษณะหนักพอสมควรผ่านกล้องวงจรปิดไปยืนตรงช่วงกลางสะพานเชื่อมทางเดิน จากนั้นนำกระเป๋าวางเอาไว้ระหว่างขาของตัวเองแล้วค่อยๆ นำแท่งวัตถุต้องสงสัยออกจากกระเป๋ามาวางแล้วออกแรงใช้เท้าเขี่ยวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายไปป์บอมบ์ให้กลิ้งตกลงไปสู่ผิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยตกลงไปในระยะพอดีกับที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพน้ำพวยพุ่งขึ้นสูงเท่าตึก 3 ชั้น ขณะระเบิดทำงานในวันที่เกิดเหตุ จนทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านมาและชาวบ้านที่ยืนอยู่ในละแวกนั้นเนื้อตัวเปียกปอนวิ่งหนีความตายกันอย่างจ้าละหวั่น

จากนั้นเมื่อทำการตรวจสอบภาพขณะที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.20 น. ของวันที่ 18 ส.ค.อย่างละเอียดอีกครั้ง ก็พบว่า ก่อนระเบิดจะทำงาน 3-4 นาที กล้องสามารถจับภาพชายต้องสงสัยรูปพรรณคล้ายคนคนเดียวกันมาปรากฏกายอีกครั้ง โดยคราวนี้ชายดังกล่าวสวมเสื้อเชิ้ตลายสกอตแขนยาวสีฟ้าพับแขน นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สะพายกระเป๋าสีดำ มายืนทำทีเป็นใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายวิวทิวทัศน์ และมองขึ้นไปสำรวจด้านบนสะพาน โดยยืนอยู่เพียงลำพัง คล้ายมาสำรวจพื้นที่เป้าหมาย แล้วเดินพ้นจากกล้องไปทางท่าเรือสาทร คล้อยหลังจากนั้นแค่ 3-4 นาที ระเบิดก็ทำงาน

สำหรับในตอนนี้แนวทางการสืบสวน เชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะใช้รถจักรยานยนต์ขับขี่ขึ้นสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก่อนหย่อนระเบิดทิ้งลงมาด้านล่างเหมือนอย่างที่เคยจำลองสถานการณ์มาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ให้น้ำหนักกรณีที่มีคนร้ายอีกชุดหนึ่งมาดักวางระเบิดลูกสำรองเอาไว้ในก้นบึ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้แหล่งที่มีนักท่องเที่ยวมารวมตัว โดยเป็นเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ ที่มีความคล้ายคลึงกัน เผื่อลูกแรกที่หน้าศาลท้าวมหาพรหมผิดพลาด หรือไม่ทำงาน หรือไม่ก็ต้องการแสดงแสนยานุภาพว่า สามารถสร้างสถานการณ์รุนแรงได้ซ้ำในระยะเวลาไม่ห่างกัน

...

อีกทั้งแผนประทุษกรรมของชายคนดังกล่าวยังสอดคล้องกับคำให้การของพยานปากสำคัญรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ขณะระเบิดดังขึ้น ว่า ไม่ได้ยินเสียงของหนักตกลงจากบนสะพานลงน้ำก่อนระเบิดทำงานแต่อย่างใด จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดตูมสนั่นจากในน้ำ ตามด้วยละอองสายน้ำขนาดใหญ่พวยพุ่งสาดกระจายขึ้นมา โดยเชื่อว่าไปป์บอมบ์ลูกนี้ น่าจะประกอบขึ้นโดยการใช้วิธีซีลกันน้ำเป็นอย่างดี มีการใช้บอลแบริ่ง หรือลูกปืนเป็นสะเก็ดทำลายล้าง แต่ยังไม่สามารถระบุชนิดสารระเบิดได้ว่า เป็น ทีเอ็นที หรือ ซีโฟร์ ส่วนวิธีการจุดชนวนนั้นเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สั่งการโดยสัญญาณโทรศัพท์มือถือหรือวิทยุสื่อสาร ซึ่งหากจะใช้การหน่วงเวลา โดยการตั้งนาฬิกาก็สามารถกระทำได้ แต่หากเป็นประเด็นสุดท้ายก็ไม่จำเป็นต้องย้อนกลับมาสำรวจระเบิดที่วางเอาไว้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ทางชุดคลี่คลายคดียังต้องใช้เวลาไล่เช็กกล้องวงจรปิดอีกหลายตัวย้อนหลังในห้วงเวลาเดียวกันสักระยะ เพื่อระบุรูปพรรณสัณฐาน การแต่งกาย จำนวนคนร้าย ยานพาหนะที่ใช้ และเส้นทางหลบหนี เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ทำการออกหมายจับผู้ก่อเหตุที่ชัดเจนแล้วว่ามีการวางแผนทำกันเป็นขบวนการก่อนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.

...