กรณีผู้สื่อข่าวนำเสนอข่าวชีวิตของคุณตาแก้ว ชุมรัมย์ ชายชราวัย 95 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/8 หมู่ 2 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี อดีตทหารผ่านศึก เป็นคน จ.บุรีรัมย์ หลังจากปลดประจำการได้ย้าย ถิ่นฐานไปทั่ว ก่อนมาปักหลักที่ อ.บ้านโป่ง ยึดอาชีพ ปั่นสามล้อรับจ้าง จนกระทั่งยุคสมัยเปลี่ยนไปผู้คนเลิกใช้บริการและอายุมากขึ้นจึงเลิกรับจ้าง กิจวัตรประจำวันทุกเช้าจะปั่นจักรยาน 3 ล้อถีบคู่ใจสภาพเก่า กินระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร รับอาหารจากพระสงฆ์และชาวบ้าน ก่อนนำกลับมาให้ลูกหลานและแจกจ่าย ให้ชาวบ้านยากจน ทำให้เป็นที่รักและเคารพของคน ในหมู่บ้าน สมัยก่อนตาแก้วจะเดินแจกเองไปตามหมู่บ้าน ต่อมาอายุมากขึ้นจึงให้ลูกหลานนำไปแจกแทน ทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว

ส่วนรายได้มีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 1,000 บาท เท่านั้น ตาแก้วนั้นมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง กว่าคนในวัยเดียวกัน พูดคุยโต้ตอบรู้เรื่อง ไม่มีโรคภัย ไข้เจ็บ มีเพียงสายตาที่มองเห็นเลือนรางไปตามกาลเวลา พักอาศัยเพียงลำพังภายใต้เพิงไม้ยกพื้นสูง หลังคามุงสังกะสี มีเพียงที่นอน หมอน มุ้ง และวิทยุ ทรานซิสเตอร์ที่ใช้ฟังแก้เหงาเท่านั้น ตาแก้วบอกว่า เคล็ดลับที่ทำให้สุขภาพแข็งแรงคือ การปั่นจักรยาน 3 ล้อถีบอยู่ทุกวัน และรับประทานอาหารเพียงวันละ 2 มื้อ คือ มื้อเช้าและมื้อเย็น งดน้ำเย็นและ ของหวาน และที่สำคัญคือ จะกินกล้วยน้ำว้าหลังอาหารมื้อละหนึ่งลูกทุกวัน เพื่อช่วยในการชำระของเสียออกจากร่างกาย

...

ต่อมาหลังจากที่ข่าวของตาแก้วคนดีของสังคม ได้เผยแพร่ตามสื่อออกไป ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้สูงอายุที่ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมให้กับนายแก้ว ชุมรัมย์ ในวันพุธที่ 24 มิ.ย. เวลา 09.45 น. ที่หน้า ห้องประชุม 1 ชั้น 8 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ต่อมาตาแก้วได้เปิดเผยความรู้สึกกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกและตื่นเต้นมากที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปรับโล่ซึ่งจะถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของตระกูล โดยจะเดินทางไปกับลูกสะใภ้ ทั้ง ยังกล่าวขอบคุณทาง นสพ.ไทยรัฐ ที่ช่วยเป็นสื่อกลาง นำเสนอเรื่องราวชีวิตของตน และขอขอบคุณทางรัฐบาลที่ส่งหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือและไม่ทอดทิ้ง ผู้สูงอายุให้เดียวดายในสังคม ซึ่งตนจะยังปฏิบัติตน อย่างนี้ต่อไปจนกว่าจะทำไม่ไหว.