จากกรณีเครือข่ายกลุ่มประมงพื้นบ้านประท้วงเรือดำหอยจอบ กล่าวหาว่าเป็นตัวการทำลายทรัพยากรทางทะเล ทำให้ระบบนิเวศเสียหาย ขณะที่กลุ่มเรือหอยจอบโต้ว่ายังไม่มีกฎหมายห้ามดำหอยจอบและไม่ใช่ตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้เรียกกลุ่มประมงพื้นบ้านและประมงหอยจอบ เข้ามาชี้แจงข้อมูลของแต่ละฝ่ายเพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากก่อนเกิดการทะเลาะวิวาทกันระหว่างกลุ่มประมงทั้ง 2 ฝ่ายในทะเล โดยได้เรียกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาหารือ ประกอบด้วยประมงจังหวัด เจ้าท่าตำรวจน้ำ ฝ่ายปกครอง มาประชุมและได้ข้อสรุปในเบื้องต้นห้ามทำประมงหอยจอบห่างจากชายฝั่งในระยะ 5 ไมล์ทะเล จากข้อเรียกร้องของประมงพื้นบ้านและข้อมูลของหน่วยงานทางทะเลพบว่าระยะเกินจาก 5 ไมล์ทะเล เป็นช่วงที่ปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม และไม่เป็นพื้นที่ที่ทับซ้อนระหว่างกลุ่มประมงพื้นบ้านกับเรือดำหอย

ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์เปิดเผยอีกว่า ในขั้นตอนต่อไปได้มอบหมายให้ประมงจังหวัดนำแผนที่ทางทะเลมาประกอบการทำแนวเขตห้ามทำประมงหอยจอบในระยะ 5 ไมล์ พร้อมกับออกประกาศจังหวัด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถือว่าผิดกฎหมาย เพราะปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายห้ามการดำหอยจอบ ด้านนายมนูญตันติกุล ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้เตรียมประสานไปยังนักวิชาการจากกรมประมงเพื่อสำรวจและวิจัยหอยจอบ เนื่องจากเป็นหอยที่ชาวประมงเพิ่งเริ่มเก็บในระยะ 2-3 ปี จึงยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากพอ แต่เท่าที่สำรวจตัวอย่างจาก จ.ตราด พบว่า ต้องใช้ระยะเวลากว่า 5 ปีในการฟื้นสภาพความอุดมสมบูรณ์ของหอยจอบในทะเล ซึ่งเป็นตัวอย่างที่สามารถนำมาเทียบเคียงได้

ขณะที่นายฐกฎต ชลศิริ ตัวแทนกลุ่มประมงเรือดำหอยจอบ เปิดเผยว่า ทรัพยากรทางทะเลเป็นของคนไทยทุกคน การเก็บหอยไม่ได้ทำลายระบบนิเวศ เพราะกระแสน้ำเป็นตัวช่วยทำให้เกิดสมดุลอยู่แล้ว หากห้ามดำหอย ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพนี้ก็ไม่รู้จะทำอะไรและขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว จึงขอความเห็นใจบ้าง.

...