ปปง. ยึดทรัพย์อดีตผู้บริหาร สกสค. จำนวน 183 ล้านบาท ฐานทุจริตปล่อยเงินกู้ให้บริษัทเอกชน โดยไม่สามารถใช้คืนเงินกู้ได้

วันที่ 5 มิ.ย. เวลา 10.30 น. พันตำรวจเอก สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 8/2558 อายัดทรัพย์สินอดีตผู้บริหาร สกสค. กับพวก จำนวน 146 รายการ มูลค่ารวม 183 ล้านบาท ฐานทุจริตผิดต่อหน้าที่ ปล่อยเงินกู้ให้บริษัทเอกชนโดยไม่สามารถใช้คืนเงินกู้ได้


พันตำรวจเอก สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับหนังสือร้องเรียนจากอดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) สมุทรสาคร ให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของ (สกสค.) กับพวก ในการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อนุมัติเงินกองทุนของ สกสค. ให้กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด กู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกัน ซึ่งต่อมาบริษัท บิลเลี่ยนฯ ไม่สามารถกู้เงิน พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ สกสค.ได้ จึงน่าเชื่อว่า อดีตเลขาธิการ สกสค. กับพวก มีเจตนายักยอกเงินกองทุน

...


ต่อมา สำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ให้ตรวจสอบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เฉพาะกรณีการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่าง สกสค. และบุคลากรทางการศึกษากับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งพฤติการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง การปลอมแปลงเอกสารการฟอกเงิน และอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำทุจริตที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อกองทุนของ สกสค.

สำนักงาน ปปง. จึงดำเนินการสืบสวนและรวบรวมข้อมูลหลักฐาน พบว่า อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ร่วมกับ กรรมการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนสมาชิกคุรุสภา (ช.พ.ค.) ได้นำเงินของ ช.พ.ค. ให้บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด กู้ยืมเงินผ่านการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 3 ครั้ง โดยได้รับค่าตอบแทน 7 เปอร์เซ็นต์ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 นำเงินไปลงทุนซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จำนวน 500 ล้านบาท และ สกสค. ได้รับเงินคืนแล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2556 นำเงินไปลงทุนซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จำนวน 2,100 ล้านบาท

ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 นำเงินไปลงทุนซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จำนวน 400 ล้านบาท
รวมเงินกู้ยืมจำนวน 3 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท

โดยหลักประกันที่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด นำหลักทรัพย์มาวางไว้กับ สกสค. คือ

1. โฉนดที่ดิน จำนวน 33 แปลง และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) 16 แปลง รวมจำนวน 49 แปลง ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบมีการจดทะเบียนจำนองไว้เป็นประกันตามกฎหมาย

2. เช็คของธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,100 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบไม่มีเงินในบัญชีแต่อย่างใด

3. ดราฟท์ของธนาคาร The Hongkong and Shanghai Banking Corporation Ltd. (HSBC) จำนวน 100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นของปลอม

4. ใบหุ้นสโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 ปอนด์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะ

5. หนังสือค้ำประกันตนเต็มมูลค่าเงินลงทุนของนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา กรรมการบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่ง สกสค. จะต้องไปดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่ง จึงจะสามารถบังคับคดีนำเงินมาชำระได้ตามกฎหมาย

6. เงินสกุลโครเอเชีย จำนวน 950,000,000 HRK ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นสกุลเงินโครเอเชียจริง แต่ปัจจุบันยกเลิกการใช้แล้ว
ทั้งนี้ เงินสดจำนวน 3,000 ล้านบาท ครบกำหนดคืน ในวันที่ 27 ธันวาคม 2557 ปัจจุบัน สกสค. ได้รับเงินคืนจำนวน 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2,500 ล้านบาท ยังไม่ได้รับเงินคืน ลักษณะเป็นการร่วมกันฉ้อโกง (สนับสนุนการทุจริตของเจ้าหน้าที่) ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ได้แก่

...

1. นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา กรรมการบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด 2. นายยศวัจน์ ถิรพรสวัสดิ์ กรรมการในเครือบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด 3. นายสิทธินันท์ หลอมทอง กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด 4. นายมงคล เอี่ยงศุภพานนท์ กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด 5. กรรมการของ สกสค. และกรรมการของ ช.พ.ค. บางราย

จากข้อเท็จจริงที่ได้ตรวจสอบและวิเคราะห์ และรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น มีเหตุอันควรเชื่อได้ ว่า อดีตผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กับพวกและบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 

คณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 8/2558 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2558 จึงมีมติดำเนินการกับทรัพย์สิน ทั้งหมด 146 รายการ ดังต่อไปนี้

1. อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ได้แก่

1.1 โฉนดที่ดิน จำนวน 33 แปลง และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) 16 แปลง รวมจำนวนทั้งสิ้น 49 แปลง ราคาประมาณ 37 ล้านบาท

1.2 บัญชีเงินฝากของผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ที่ได้รับโอนเงินประกอบด้วยบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด  และบริษัทในเครือ นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดากับพวก และกรรมการ สกสค. และ ช.พ.ค. ประกอบด้วย 1. นายเกษม กลั่นยิ่ง 2. นายสุรเดช พรหมโชติ 3. นายสมศักดิ์ ตาไชย รวมทั้งหมด 63 รายการ รวมเป็นเงินประมาณ 32 ล้านบาท

...

1.3 หุ้นบริษัทสัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ของนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา 1 รายการ จำนวน 712,758 หุ้น มูลค่าประมาณ 71 ล้านบาท

2. ยับยั้งการทำธุรกรรมไว้ชั่วคราว ได้แก่ บัญชีของสโมสรฟุตบอลโล่เงิน จำกัด (มหาชน) ฟุตบอลสโมสรตำรวจ และบริษัทสัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทั้งหมด 33 บัญชี รวมเป็นเงินประมาณ 43 ล้านบาท
รวมทรัพย์สินที่อายัดไว้ในคดีนี้ จำนวน 146 รายการ เป็นเงินประมาณ 183 ล้านบาท