หลังจากที่ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ประกอบไปด้วย บริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด, บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด (ไทยรัฐออนไลน์และไทยรัฐทีวี), บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (พีพีทีวี), บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด (เดลินิวส์ ออนไลน์), บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด (เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์) และบริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (สำนักข่าวสปริงนิวส์) ได้ยื่นฟ้องบริษัท ทัน สปิริต จำกัด (ผู้ผลิตแอพพลิเคชั่น Ohozaa TV HD), นายณัฐวุฒิ บำรุงสรณ์ (ผู้ดูแลเว็บไซต์ Ohozaa.com) และกรรมการ กรณีที่ Ohozaa ได้นำเอาข้อมูลบทความ บทวิเคราะห์ งานภาพถ่าย และงานแพร่เสียงแพร่ภาพอันมีลิขสิทธิ์ไปให้บริการในเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงขอสอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบว่ามีความเสียหายมากน้อยเพียงใด และจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมไปถึงไขข้อกฎหมายลิขสิทธิ์ว่าสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้อย่างไร และบทลงโทษของจอมฉกข้อมูลนั้น ร้ายแรงถึงขั้นเข็ดหลาบกันเลยหรือไม่ ติดตามได้จากด้านล่างนี้...

...

กระทบหนัก! เว็บผู้ผลิตจ่ายต้นทุน ขณะที่เว็บจอมก๊อบฉกข้อมูล กินค่าโฆษณา
นายนิรันดร์ เยาวภาว์ ผู้ดูแลระบบเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ เปิดเผยว่า ความเสียหายสำหรับเรื่องการโดนก๊อบข้อมูลข่าวของเว็บนั้น ไม่สามารประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้ เนื่องจากว่าทีมเว็บไซต์ต้องเสียค่าต้นทุนทั้งการจ้างนักข่าว ช่างภาพ และพนักงานอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อดำเนินการผลิตงานเขียน ซึ่งถือเป็นงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ แต่เว็บที่ที่ยื่นฟ้องไปนั้น ได้ทำการคัดลอกและเผยแพร่ในเว็บไซต์ของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ลงทุนอะไร
เบื้องต้น ถึงแม้ว่ายอดคนอ่านจะไม่ลดลง แต่อัตราการเพิ่มขึ้นนั้นชะลอตัวอยู่ เนื่องจากว่าเมื่อเว็บเหล่านั้นไปคัดลอกข้อมูลจากเว็บข่าวและมาปรับเปลี่ยนพาดหัวใหม่ที่กระตุ้นให้คนอยากเข้ามาอ่าน แต่ในความเป็นจริงถือว่าผิดหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณข่าวทั้งสิ้น อีกทั้ง ยังมีการแชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ที่มียอดผู้ติดตามค่อนข้างสูง จึงทำให้ผู้อ่านเกิดความรับรู้ในวงกว้าง และคลิกเข้าไปอ่านที่เว็บเหล่านี้แทนเว็บผู้ผลิตข่าว
ส่วนยอดโฆษณา อาจจะมีสินค้าบางแบรนด์ที่เน้นยอดคนดูมากกว่าเนื้อหาหันไปลงโฆษณากับเว็บเหล่านี้แทน เพราะมียอดคนเข้าชมเยอะ ขณะที่ เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ นั้น ผู้ลงโฆษณาเป็นแบรนด์ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งจะเลือกดูจากเนื้อหาและภาพลักษณ์ของเว็บไซต์มากกว่ายอดผู้เข้าชม
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาของสื่อ ผู้ดูแลระบบเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ เสนอว่า วิธีขจัดเว็บเหล่านี้ คือ สื่อควรดำเนินการตามกฎหมายให้เข้มงวดเด็ดขาดมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันสื่อหลายบริษัทได้เข้ามารวมตัวกันเป็นสมาคม ถือเป็นส่วนดีที่ทำให้เว็บต่างๆ เกรงใจมากกว่าเมื่อครั้งยังเป็นแค่ชมรมผู้ผลิตข่าวออนไลน์


...
ทวงความยุติธรรมสู่ผู้ผลิต สร้างกำลังใจให้คนทำข่าว
น.ส.สุธิดา มาไลยพันธุ์ นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เปิดเผยว่า สิ่งที่สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ทำคือ ยืนหยัดในการสนับสนุนให้ประชาชนได้รับข่าวสาร แต่ก็ต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ผลิตข่าวด้วย เนื่องจากผู้ผลิตมีต้นทุน เมื่อมีคนมาก๊อบปี้ไป และสมาคมฯ ไม่ยอมทำอะไรมันก็ไม่ยุติธรรม ฉะนั้น การทวงสิทธิ์ ถือเป็นความยุติธรรมที่ผู้ผลิตควรจะได้รับ
ขณะที่ ปัจจุบันไม่ได้มีเว็บคัดลอกผลงานลิขสิทธิ์แค่เว็บเดียว ทางสมาคมฯ จึงต้องไปตรวจสอบดูว่าเว็บอื่นๆ มีการนำคอนเทนต์ของสมาชิกสมาคมฯไปใช้หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้ามีก็ต้องเรียกร้องสิทธิ์กลับมา โดยการแจ้งให้หยุดและถ้ายังทำต่อไปก็คงต้องใช้วิธีการฟ้องร้องเรียกสิทธิ์ของนักข่าวกลับคืนมา
“ถ้ายังมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเรื่อยไป สิ่งที่อยู่ไม่ได้ คือ องค์กรข่าวที่ผลิตข่าวจริง นักข่าวก็จะค่อยๆ ออกไป เพราะมีการลดปริมาณคน และหากสมมติว่าวันนี้สังคมเรียกร้องให้นักข่าวทำข่าวที่ดี แต่สำนักข่าวไม่สามารถหาเงินมาจุนเจือนักข่าวได้ ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต มาตรฐานข่าวก็ลดลง เพราะว่าองค์กรข่าวจะอยู่ได้อย่างไร ฉะนั้น เราก็ต้องรักษาคอนเทนต์ เพื่อทำให้องค์กรแข็งแรงและอยู่ได้ และสามารถนำรายได้ที่เกิดขึ้นไปหล่อเลี้ยงต้นทุนของเราให้เกิดคอนเทนต์ที่ดีให้กับสังคม ไม่เช่นนั้นเราก็จะอยู่ไม่ได้เหมือนกัน สังคมเราก็จะมีแต่ข่าวที่แย่ๆ” นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ กล่าว

...
ไขกฎหมายคาใจ..โดนก๊อบงานลิขสิทธิ์บนเว็บ ต้องทำอย่างไร ?
ด้าน อาจารย์ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์ อธิบายว่า เจ้าของเว็บควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดว่าโดนเว็บอื่น คัดลอกข้อมูลจากเว็บผู้ผลิตไปจริง จากนั้น จึงส่งประกาศแจ้งหรือตักเตือนไปยังเว็บดังกล่าว และหากยังไม่ทำตาม จึงเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อไป
ส่วนกรณีเว็บดังที่เป็นข่าวว่าละเมิดเนื้อหานั้น ก็ได้นำรายการทีวีจากช่องต่างๆ มาด้วย ซึ่งทำให้คนทั่วไปเข้าเว็บนี้เหมือนเป็นศูนย์รวมเนื้อหาต่างๆ แต่ว่าข้อมูลที่นำมาใช้นั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงส่งผลทำให้ Traffic ของตัวเจ้าของข้อมูลลดน้อยลง เนื่องจากคนเข้ามาดูผ่านเว็บดังกล่าวแทน
ไขกฎหมายคาใจ..ผู้โดนละเมิดงานลิขสิทธิ์ สามารถฟ้องผู้ลงโฆษณาบนเว็บนักก๊อบได้หรือไม่ ?
อาจารย์ไพบูลย์ ให้ข้อมูลว่า ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องผู้ลงโฆษณากับเว็บคัดลอกข้อมูลได้ แต่หากผู้ลงโฆษณาไม่ทราบว่าเว็บนั้น ได้คัดลอกข้อมูลลิขสิทธิ์จากเว็บอื่นมา ผู้เสียหายก็อาจจะฟ้องไม่เป็นผล ขณะที่ ในปัจจุบันได้มีการแถลงข่าวเรื่องเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้แล้ว และหากผู้ลงโฆษณายังกระทำการลงโฆษณาอยู่กับเว็บไซต์ดังกล่าวอีก จึงจะถือว่าเป็นการสนับสนุนการคัดลอก เผยแพร่งานที่มีลิขสิทธิ์เช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่คัดลอกงาน จะต้องชดใช้ค่าเสียหาย เป็นค่าใช้สิทธิ์ในตัวข้อมูลเนื้อหา และนำเอาเครื่องหมายการค้าของสมาชิกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ไปใช้ ซึ่งส่วนนี้เป็นการทำให้ประชาชนสับสน หลงผิด ว่าเว็บดังกล่าวได้รับอนุญาตจากเว็บต้นฉบับ ดังนั้น เว็บไซต์ที่คัดลอกงาน จึงผิดกฎหมายเครื่องหมายการค้าอีกด้วย

...
ไขกฎหมายคาใจ..ในอนาคตเกิดเว็บจอมฉกขึ้นเรื่อยๆ จะป้องกันอย่างไร ?
อาจารย์ไพบูลย์ เผยว่า ในความจริงมีเว็บพวกนี้มีอยู่ค่อนข้างเยอะที่นำข้อมูลจากเว็บอื่นไปใช้โดยมิชอบ ซึ่งตามกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในต้นเดือนสิงหาคม จะเน้นในเรื่องการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการใช้สื่อเทคโนโลยีที่จะมีผลบังคับใช้ และระบุเป็นความผิดในกรณีที่มีการไปเจาะรหัสหรือโปรแกรมที่ใช้ในการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย โดยเพิ่มโทษจำคุกให้สูงขึ้น
อีกทั้ง กรณีที่นำข้อมูลลิขสิทธิ์จากที่อื่นมาโดยที่ไม่อ้างอิงแหล่งที่มาหรือเจ้าของข้อมูลก็จะมีความผิดเพิ่มเติมด้วย ส่วนนี้เรียกว่า การคัดลอกข้อมูลโดยที่ไม่อ้างอิงข้อมูลบริหารสิทธิ์ จะมีความผิดตามกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับในตอนที่ 2 ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปเจาะลึกวิธีการดูดข้อมูล และการป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ต้นฉบับโดนแฮกเกอร์ล้วงข้อมูลไปหาประโยชน์ โปรดติดตามต่อในวันพรุ่งนี้.