แม่ค้าร้านทอง รับโทรศัพท์ติดต่อซื้อทองมูลค่า 2 ล้านกว่าบาท โดยโอนเงินผ่านธนาคารและได้รับ sms ว่ามีเงินเข้า ตนจึงรีบไปปรับสมุดก็มีเงินเข้าอยู่จริง ต่อมาทางธนาคารโทรแจ้งว่าเช็คถูกอายัด ตำรวจเร่งสืบ คาดอาจทำเป็นกระบวนการ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบ หลังจากมีผู้นำข้อมูลมาลงในเฟซบุ๊กว่า มีร้านทองชื่อร้านทองพรพรรณ เลขที่ 98-100 ตั้งอยู่ในเขตตลาดเทศบาลโพธาราม อ.โพธาราม จังหวัดราชบุรี ว่าได้ถูกหลอกเชิดทองคำแท่งไปจำนวน 12 แท่ง น้ำหนัก 120 บาท สูญเงินไปกว่า 2 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนที่มารับทองคำแท่งไปไว้ได้

จากการสอบถาม นางสาวรพี ผาสุก อายุ 68 ปี เจ้าของร้านทอง เผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 7 พ.ค. 58 ได้มีโทรศัพท์จากลูกค้า ทราบเพียงชื่อนางอุไรวรรณ สอบถามราคาทองคำแท่งเพื่อนำไปใช้ในงานแต่งงาน โดยตอนแรกสอบถามว่ามีถึง 50 บาท หรือไม่ ตนก็บอกว่ามี แต่ทางลูกค้าบอกว่าอยากได้ถึง 12 แท่ง จึงได้มีการตกลงซื้อขายกันในราคา 2,250,000 บาท โดยทางลูกค้าจะขอจ่ายเงินโดยการโอนเข้าบัญชีธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ต่อมาเวลา 13.57 น. ก็มี sms จากธนาคารส่งเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือว่า มีเงินเข้าบัญชี จำนวน 2,250,000 บาท ตนก็รีบนำสมุดธนาคารไปปรับก็พบว่ามียอดเงินดังกล่าวจริง จึงติดต่อให้มารับทองไปได้

จากนั้นนางอุไรวรรณ แจ้งว่าจะให้ญาติๆ ไปรับเป็นผู้ชายสวมเสื้อสีน้ำเงิน จากนั้นไม่นานก็มีชายคนดังกล่าวมารับทองคำแท่งไป พร้อมกับนำสำเนาใบฝากเงินและสำเนาเช็คธนาคารอีกแห่งมาให้ด้วย ต่อมาในวันที่ 8 พ.ค. 58 ทางธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง สาขาบางขุนนนท์ โทรศัพท์มาแจ้งว่า เช็คที่เอามาเข้าบัญชีนั้นถูกอายัด ขอให้มารับเช็คกลับไป ตนก็รีบนำสมุดธนาคารไปปรับอีกรอบก็พบว่า ไม่มีเงินดังกล่าวจึงได้รีบไปรับเช็คก็พบว่า เป็นเช็คของธนาคารอีกแห่ง ชื่อเจ้าของเช็คคือนายสมชาย สาฆอ ก็สอบถามทางธนาคารว่า เมื่อเงินเข้าบัญชีมาแล้วจะอายัดได้อย่างไร ซึ่งทางธนาคารก็บอกว่าทางเจ้าของเช็คไม่มีเงินทำให้ไม่สามารถนำเงินเข้าบัญชีให้ลูกค้าได้ และให้ไปแจ้งความเรียกร้องเอาเอง ทำให้ตนรู้ว่าถูกหลอกแน่ แต่ไม่เข้าใจในระบบของธนาคารว่าเมื่อมีการโอนเข้าบัญชีมาแล้ว จะมีการอายัดได้อย่างไร จากนั้นจึงได้ไปแจ้งความไว้กับ ร.ต.ท.ไพศาล ชูสิทธิสกุล พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายรายนี้ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ

...

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานติดต่อไปยังธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง สาขาโพธาราม เพื่อขอดูเช็คสรุปว่าเช็คตัวจริงกับตัวก๊อบปี้ที่ชายต้องสงสัยนำมาแสดง กลับไม่เหมือนกัน โดยเช็คดังกล่าวมีการสั่งจ่ายในชื่อนายสมชาย สาฆอ และเช็คที่สั่งจ่ายชื่อนายสมชาย อาศัยอยู่ที่ จังหวัดยะลา ทางตำรวจจึงได้ติดต่อไปยังนายสมชาย ได้การว่า ตนได้ปิดบัญชีเงินฝากไปนานแล้ว จากการตรวจสอบพบว่ายังไม่มีการอายัดบัญชีแต่อย่างใด มีแต่การอายัดเช็คเกิดขึ้นเท่านั้น และบัญชียังใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดผู้เสียหายเดินทางนำหลักฐานเข้าตรวจสอบกับธนาคารชื่อดัง ที่สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง พร้อมทั้งประสานงานนำชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามนำตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป