แพทย์ รพ.ปิยะมินทร์ ตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้าอาการ "ลุงอู๊ด นักปั่นกระบี่มือเดียว" ดีขึ้นตามลำดับ ถามตอบรู้เรื่อง ไม่มีเลือดออกในสมองเพิ่มขึ้น แต่แพทย์ยังห่วง ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด...

ความคืบหน้าอาการนายวิเชียร หรือ ลุงอู๊ด ปิ่นเกษร นักปั่นน่องเหล็กฉายากระบี่มือเดียว ซึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถ นายธีรพัฒน์ จรรยาดี อายุ 43 ปี พนักงานส่งเอกสารขี่รถจักรยานยนต์ หักหลบรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนที่บริเวณเลียบถนนมอเตอร์เวย์ ขาเข้า แขวงและเขตประเวศ ได้รับบาดเจ็บขณะนี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปิยะมินทร์ โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 พ.ค. 58 นายแพทย์ต่อพงษ์ อัศวิษณุ และคณะแพทย์ โรงพยาบาลปิยะมินทร์ แถลงข่าวถึงความคืบหน้าของอาการบาดเจ็บ ของนายวิเชียร ว่า ขณะนี้อาการบาดเจ็บที่สมอง ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะต้องผ่าตัด แต่ต้องพักรักษาตัว และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนอาการบาดเจ็บที่กระดูกใบหน้า เบื้องต้นศัลยกรรมแพทย์ได้ทำการรักษาโดยการตกแต่งรักษาบาดแผล ซึ่งวินิจฉัยแล้วอาจจะไม่ต้องผ่าตัด ส่วนอาการบาดเจ็บที่บริเวณต้นคอ ขณะนี้อาการดีขึ้นไม่น่าเป็นห่วง

อย่างไรก็ตาม ก็ยังคอยสังเกตอาการทางสมองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแรกรับพบว่าสมองบวมและมีเลือดออก ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ทำการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่าสมองมีอาการบวมลดลง ไม่มีเลือดออกในสมองเพิ่มขึ้น ถามตอบรู้เรื่อง สับสนบางครั้ง โดยภาพรวมนับว่าอาการดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจ

ทางด้าน นายธนิต เมฆเอนกวัฒนกุล อายุ 55 ปี ญาติลุงอู๊ด เปิดเผยว่า ขณะนี้แพทย์ได้งดเยี่ยม เนื่องจากต้องการให้คนไข้ได้พักผ่อน ทั้งนี้ตนได้ประสานกับลูกชายลุงอู๊ดแล้ว ขณะนี้ยังคงทำงานอยู่ที่ประเทศแคนาดา และไม่สะดวกที่จะเดินทางกลับมา ส่วนค่ารักษาเบื้องต้นได้รับดูแลจาก พ.ร.บ.ของคู่กรณีจำนวน 50,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายรักษาอื่นๆ คู่กรณียินดีจะรับผิดชอบ

...

นายธานิต เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันลุงอู๊ด เช่าอาศัยอยู่เพียงลำพัง ในชุมชนแห่งหนึ่ง ติดกับทางรถไฟ ภายในซอยพัฒนา 53 ส่วนค่าครองชีพได้รับจากค่าซ่อมจักรยานยนต์ และขายจักรยานยนต์มือสอง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลุงอู๊ดต้องสูญเสียแขนข้างขวานั้น ในสมัยเด็ก เพื่อนของลุงอู๊ด ได้นำเศษระเบิดที่หลงเหลือจากการระเบิดหิน ที่ จ.สระบุรี มาทดลองเล่นกัน ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้นขณะที่ลุงถืออยู่

อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ทำให้ชีวิตลุงเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ก่อนจะมุ่งหน้าเข้ามาที่ กทม. โดยการหาเลี้ยงชีพโดยการ ไปรับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมาขาย และดิ้นรนหาอาชีพอื่นทำเรื่อยมา กระทั่งปี 2532 ได้ไปสมัครแข่งขันไตรกีฬาที่พัทยา จึงได้ไปซื้อจักรยานมาฝึกซ้อม และทำให้เขารู้ว่า เป็นคนที่บ้ากีฬาและฝึกฝนตนเองมาตลอด จากนั้นเมื่อปี 43 ก็ทำให้คนรู้จักลุงอู๊ดมากขึ้นหลังทุ่มเทตัวเองโดยการปั่นจักรยานรอบโลก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส 72 พรรษา.