พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีบันทึกสั่งการออกมาแล้วในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว “สงกรานต์” ปีนี้ กำหนดให้สถานีตำรวจทั่วประเทศดำเนินการ “โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ” ระหว่างวันที่ 10-16 เม.ย.2558 รวมระยะเวลา 7 วัน

คืนความสุขให้ประชาชนในเทศกาลสำคัญของประเทศ

รู้กันอยู่ว่าเทศกาลสงกรานต์ทุกครัวเรือนถือเป็นความสุขที่ได้ใช้โอกาสนี้เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับครอบครัวตามประเพณีอันดีงามของไทย รวมทั้งเดินทางไปพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศด้วย เป็นวันหยุดยาวอย่างน้อย 5 วัน

...


ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการรองรับอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยกับผู้เดินทางไว้แล้ว โดยเฉพาะปัญหาอุบัติเหตุบาดเจ็บเสียชีวิตที่จะเกิดขึ้นทุกปี

เช่นเดียวกับ โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ กลายเป็นโครงการสำคัญที่ประชาชนค่อนข้างไว้ใจได้กับการพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมานานหลายสิบปีแล้ว

เรียกว่าชาวบ้านยังไว้วางใจตำรวจให้ช่วยดูแลบ้านช่อง ทรัพย์สินขณะเดินทางออกนอกเมืองเพราะแต่ละปีมีประชาชนเข้าร่วมโครงการจำนวนมากและเพิ่มขึ้นทุกปีที่ผ่านมา


นายตำรวจที่เป็นสัญลักษณ์ของโครงการนี้ไปแล้วคงไม่มีใครเกิน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เห็นหน้าออกสื่อก็รู้ว่าถึงเทศกาลปีใหม่ หรือสงกรานต์อีกแล้ว เพราะได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการนี้ด้วยตัวเองมาตลอด ทำให้ทราบถึงที่มาที่ไป รวมทั้งมีเทคโนโลยีที่นำมาใช้ให้ทันสมัยขึ้นด้วย

โครงการนี้จึงนับว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ไปเต็มๆ และก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติด้วย

“โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2544 ในพื้นที่ กทม.ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจนครบาล ต่อมาได้ขยายไปยังพื้นที่ในจังหวัดปริมณฑลในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1, 2 และ 7 และสุดท้ายก็ขยายโครงการไปทั่วประเทศ”

พล.ต.อ.พงศพัศ ไอดอลของโครงการฝากบ้านฯเปิดหัวอธิบายพร้อมให้รายละเอียดต่อไปว่า


การดำเนินการโครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขจัดปัจจัยและบ่อเกิดของปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลหยุดยาว ที่พบว่าบ้านเรือนของประชาชนที่ปิดบ้านทิ้งไว้โดยไม่มีคนเฝ้า ได้ถูกคนร้ายเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

...

จากสภาพปัญหาดังกล่าว ตำรวจจึงได้ปรับบทบาทในการดูแลประชาชนเสียใหม่ โดยเน้นด้าน “การป้องกัน” ให้มากขึ้น ได้กำหนดมาตรการต่างๆที่เหมาะสม รวมไปถึงการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนในชุมชนต่างๆที่อยู่โดยรอบ

ร่วมกันเฝ้าระวังและป้องกันเหตุร้ายในช่วงเทศกาลอันเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจถือเป็นบทบาทใหม่ของตำรวจในการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก

“ท่าน ผบ.ตร.ได้สั่งการให้หัวหน้าสถานีทุกแห่งกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี “แอพพลิเคชั่นไลน์” มาเสริมการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

“แต่ละสถานีตำรวจที่มีประชาชนเข้าร่วมโครงการฝากบ้าน จะจัดทำระบบไลน์กลุ่ม เพื่อเพิ่มการสื่อสารสองทางระหว่างเจ้าบ้านกับตำรวจที่ดูแล โดยแต่ละครั้งที่มีการตรวจตรา ตำรวจสายตรวจจะถ่ายภาพหรือส่งข้อความให้เจ้าของบ้านทุกหลังได้รับทราบ และสามารถใช้ไลน์ในการตอบกลับสอบถามหรือแจ้งข้อมูลต่างๆเพิ่มเติมให้กับตำรวจตลอด 24 ชม.”


พล.ต.อ.พงศพัศย้ำด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจก็จะต้องไลน์ผลการปฏิบัติให้ผู้บังคับ บัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการยืนยันการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบระยะเวลาและมาตรการต่างๆที่กำหนดอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาสามารถให้คำแนะนำได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด

...

“สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก โดยได้กำหนดมาตรการต่างๆไว้โดยเฉพาะและกำหนดแนวทางปฏิบัติอย่างรัดกุมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นขั้นเป็นตอนชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ ยิ่งนำระบบไลน์มาใช้ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการมากขึ้น”

“นอกจากนั้นได้รับความร่วมมือจากประชาชนเจ้าของบ้านที่เข้าร่วมโครงการ และบ้านเรือนใกล้เคียงให้ข้อมูลต่างๆอันเป็นประโยชน์เพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลในการวางกำลังสายตรวจ ได้ชาวบ้านเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังภัยและพร้อมแจ้งข้อมูลเมื่อเกิดเหตุร้าย”

รอง ผบ.ตร.ชี้ให้เห็นอีกว่า ฝากบ้านไว้กับตำรวจ เป็นการผสมผสานการปฏิบัติระหว่างตำรวจกับประชาชนที่อยู่ในรูปแบบของงานตำรวจสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันอาชญากรรมในเชิงรุกมีประสิทธิผลมากขึ้น

สร้างความอุ่นใจและมั่นใจให้กับประชาชนโดยส่วนรวมอย่างแท้จริง

“ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจไม่ได้ระแวงระวังเพียงบ้านที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น แต่ในการตรวจตราตามวงรอบ ตำรวจทุกนายจะต้องระวังดูแลชุมชนในภาพรวม และเฝ้าระวังบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมดด้วย เพียงแต่บ้านที่เข้าร่วมโครงการเป็นบ้านที่ไม่มีคนเฝ้า ตำรวจจึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังให้มากขึ้น ปิดช่องโอกาสไม่ให้คนร้ายเข้าไปโจรกรรมได้”

...


พล.ต.อ.พงศพัศมั่นใจโครงการฝากบ้านฯจะบรรลุความสำเร็จเช่นทุกปีที่ผ่านมา

ทีมข่าวอาชญากรรม ก็เชื่อมั่นว่า โครงการนี้ที่กลายเป็นโครงการขวัญใจของชาวบ้านไปแล้วคงจะอยู่คู่กับเทศกาลหยุดยาวของไทยตลอดไป เพราะตลอดระยะ 14 ปีที่ผ่านมาเห็นชัดว่าเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง

แถมยังช่วยแก้ภาพลักษณ์สีกากีให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

“หากเจ้าของบ้านท่านใดที่ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือไปพักผ่อนท่องเที่ยวโดยไม่มีคนเฝ้าบ้าน ขอความกรุณาเข้าร่วมโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ โดยตำรวจทุกนายพร้อมที่จะทุ่มเททำงานและเฝ้าระวังดูแลตามมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อให้บ้านปลอดภัย ประชาชนทุกคนมีความสุขกับเทศกาลสำคัญนี้”

พล.ต.อ.พงศพัศสรุปท้ายก็เป็นโครงการดีๆที่ทีมข่าวอาชญากรรมขอชูมือสนับ สนุนและขอเป็นสื่อไปถึงเจ้า-หน้าที่ตำรวจทั่วทั้งประเทศให้ตื่นตัวรับโครงการ โดยเฉพาะหัวหน้าสถานีตำรวจต่างๆต้องให้ความสำคัญออกมาตรการเชิงรุกรับมือปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงเทศกาลหยุดยาว

ใครไม่เคยเจอขโมยขึ้นบ้านคงไม่เข้าใจหัวอกเจ้าของบ้านที่กลับมาเห็นทรัพย์สินมีค่าของตัวเองอันตรธานหายไปพริบตา แถมบ้านช่องถูกงัดพังยับเสียหาย

ไอ้หัวขโมยพวกนี้ก่อกรรมทำเข็ญกลายเป็นทุกข์อันดับต้นๆของประชาชนไปแล้ว

โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เห็นความสำคัญ พร้อมส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.คู่กาย โดดลงไปกำชับดูแลด้วยตัวเองอีกครั้ง ย่อมเกิดผลดีต่อชาวบ้านโดยไม่ต้องสงสัย สมกับนโยบายที่ให้ไว้กับตำรวจว่าเราจะพร้อมใจกันมอบความรัก ความศรัทธา และความผาสุกแก่ประชาชน

ก็ต้องคอยดูกันต่อไปครับว่าโครงการจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือไม่.

ทีมข่าวอาชญากรรม