ทหารพัน.ร.มทบ.11 นำตัวผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มามอบให้ชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดลอตสุดท้าย 3 ราย พบทั้งหมดเชื่อมโยง “เอนก ซานฟราน” ตำรวจออกหมายรวม 19 ราย จ่อออกหมายจับอีก 5 ราย รวมทั้งลูกชายของนางสุภาพร หรือเดียร์
มิตรอารักษ์ ด้าน “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. บอกกองทัพจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กุข่าวเรื่องถูกทหารซ้อมให้สารภาพ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุไม่อยากให้ยูเอ็นเข้ามายุ่งกิจการภายใน
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 มี.ค. ทหารพัน.ร.มทบ.11 นำตัวผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มาส่งให้ตำรวจเป็นชุดสุดท้ายจำนวน 3 ราย หลังทหารควบคุมตัวไว้สอบสวนตามกฎอัยการศึก ประกอบด้วยนายวสุ เอี่ยมละออ อายุ 38 ปี นายสมชัย อภินันท์ถาวร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินค่าจ้างให้กลุ่มผู้ต้องหา และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ อายุ 53 ปี รับเงินโอนค่าจ้างวางระเบิดแต่ ไม่ได้ลงมือ มาส่งให้ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดประกอบด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6
หลังตำรวจรับมอบตัวผู้ต้องหา ได้ให้ พ.ต.ท.ธัญลักษณ์ ธุดี นายแพทย์ สบ 3 รพ.ตร. ตรวจร่างกายผู้ต้องหาทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานก่อนแยกสอบปากคำแต่ละคน แจ้งข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันจ้างวานใช้ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีเครื่องกระสุนปืนและยุทธภัณฑ์ทางทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร
...
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การภาคเสธ รับสารภาพว่า มีการรับเงินโอนเงินจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีปาระเบิดศาลอาญา ส่วนนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ รับเงินค่าจ้างแต่ไม่ได้ลงมือนั้น ชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า นายสุรพลรับงานก่อเหตุ 3 แห่ง ที่ศาลอาญา ร.11 รอ. และสวนจตุจักร แต่ถูกฝ่ายความมั่นคงทหารจับกุมได้เสียก่อน พนักงานสอบสวนสอบปากคำนาน 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น จากนั้นนำตัวทั้งหมดไปชี้จุดที่ทำธุรกรรมการโอนเงิน โดยนายสมชัยชี้จุดที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย ในอาคารจามจุรี สแควร์ ย่านสามย่าน พร้อมให้การว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา กดเงินสด 50,000 บาท จากนั้นนำเงินไปโอนที่ตู้ฝากเงินอัตโนมัติของธนาคารไทยพาณิชย์ที่อยู่ใกล้ๆกัน และพาไปชี้จุดโอนเงินที่ห้างโลตัส สาขาบางใหญ่ จ.นนทบุรี ส่วนนายวสุชี้จุดโอนเงินที่ห้างบิ๊กซี ลาดพร้าว ย่านโชคชัย
ต่อมา พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 แถลงความคืบหน้าของคดีคนร้ายปาระเบิดศาลอาญา พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ทหารนำผู้ที่ถูกควบคุมตัวผู้ต้องหาตามกฎอัยการศึก และมีหมายจับของ บช.น. ก่อเหตุความไม่สงบทั้ง 2 กรณี เหตุการณ์แรกเป็นเพียงความพยายาม ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 ก่อเหตุที่ศาลอาญาได้สำเร็จ ประกอบด้วยนายสมชัย อภินันท์ถาวร นายวสุ เอี่ยมละออ และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ มาส่งให้พนักงานสอบสวน และตรวจร่างกายไว้เรียบร้อยแล้วทั้ง 3 คน แพทย์ยืนยันว่า ไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กล่าวว่า การจัดกลุ่มตามแผนผังล่าสุดเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของการเงิน มีนายมนูญ หรือต๋อย ชัยชนะ ฉายา “เอนก ซานฟราน” เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความเชื่อมโยงกันกับนายสมชัย เป็นกลุ่มที่อยู่เมืองไทย ที่มีลูกชายชื่อ นายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร เรียนหนังสืออยู่ที่ซานฟรานซิสโกและทำงานรับจ้างที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของนายมนูญ โดยให้นายสมชัยโอนเงิน 2 ครั้ง รวม 1 แสนบาท อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องเหตุดังกล่าวหรือไม่ เบื้องต้นผู้ต้องหานายสมชัยรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและนายวสุรับสารภาพสอดคล้องกันว่า นำเงินดังกล่าวใช้ทำอะไรบ้าง ส่วนนายสุรพลรับสารภาพว่าก่อเหตุวางระเบิด 5 จุด รับเงินค่าดำเนินการไปแล้วเพียง 3 จุด จำนวน 15,000 บาท แต่ยังไม่ได้ลงมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีคนร้ายปาระเบิดศาลอาญา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บช.น.รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 19 ราย ประกอบด้วยนายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ขับ จยย.ก่อเหตุ นายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 34 ปี นั่งซ้อนท้ายปาระเบิด น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ หรือนัท อ่อนมิ่ง อายุ 57 ปี น.ส.ธัชพรรณ หรือไข่มุก ปกครอง อายุ 20 ปี ภรรยานายยุทธนา นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา อายุ 42 ปี ผู้จัดหาระเบิด นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปี ผู้จ้างวาน นางวาสนา บุษดี อายุ 46 ปี ผู้โอนเงิน นายณเรศ อินทรโสภา อายุ 32 ปี เจ้าของสถานที่ประชุมวางแผน นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน อายุ 63 ปี นายชาญวิทย์ จริยนุกูล อายุ 61 ปี นายวิชัย หรือตั้ม อยู่สุข อายุ 49 ปี นายเจษฎาพงษ์ หรือเจษ วัฒนพรชัยสิริ อายุ 44 ปี นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน นายนรภัทร หรือบาส เหลือผล (ไม่ทราบอายุ) นายวสุ เอี่ยมละออ อายุ 38 ปี นายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ อายุ 53 ปี นางณัฎฐธิดา มีวังปลา อายุ 36 ปี ที่เพิ่มล่าสุด 2 ราย คือนายสมชัย อภินันท์– ถาวร และนายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร ลูกชายนายสมชัย
ส่วนผู้ต้องหายังจับไม่ได้มี 3 ราย คือนายเอนก ซานฟราน นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา และนายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร ส่วนผู้ต้องหาอยู่เครือข่ายมีส่วนร่วมการกระทำความผิด ได้แก่ ลูกชายของนางสุภาพร หรือเดียร์ นายวิเชียร หรือเชียร ชะลอยรัมย์ นายวิทย์ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายประเทือง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง และนายรุ่ง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลทหาร กรุงเทพ ออกหมายจับเพิ่มเติมต่อไป
อีกด้านที่ ขส.ทบ.วันเดียวกัน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีที่ทหารถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดศาลอาญา ขอยืนยันว่าการใช้กฎหมายพิเศษ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช.ให้นโยบายว่า สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับความร้ายแรงสามารถใช้กฎหมายพิเศษได้ แต่จะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้นซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามกรอบและไม่ให้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนการนำตัวนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ที่หลบหนีในต่างประเทศมาดำเนินคดีนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการซัดทอด มีข้อมูลชัดเจนว่าเกี่ยวพันกับความรุนแรงที่ผ่านมา ขณะนี้รัฐบาลและ คสช. มีความพยายามที่จะนำผู้กระทำความผิดที่หลบหนีไปต่างประเทศมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งในส่วนของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการอยู่
...
“ขอยืนยันว่าทหารเข้าใจถึงอำนาจขอบเขตการดำเนินการที่จะไม่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา สามารถตรวจสอบได้ ส่วนผู้ที่บิดเบือนว่าถูกทำร้าย กองทัพบกจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งๆที่ไม่อยากทำเพราะกองทัพไม่เห็นใครเป็นศัตรู แต่ใครกระทำผิดก็ต้องถูกสอบสวนถูกลงโทษ เนื่องจากมีการก้าวล่วงกองทัพบกในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ผมจะดำเนินการตามกฎหมาย” พล.อ.อุดมเดชกล่าว
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนร้องเรียนว่ามีการทำร้ายร่างกาย 4 ผู้ต้องหา ในคดีวางระเบิดบริเวณศาลอาญาว่ากำลังตรวจสอบ แต่เชื่อว่ามันไม่น่าใช่ ซ้อมไปจะได้อะไรขึ้นมา ทั้งหมดมันอยู่ที่หลักฐาน วันนี้อย่าไปดูเรื่องซ้อมเพียงอย่างเดียว อยากให้ไปดูว่าความผิดนั้นมีหรือไม่ หลักฐานทั้งการใช้โทรศัพท์ก็มี การโอนเงินก็มี แต่คนเหล่านี้กลับอ้างเรื่องซ้อม เอาหลักฐานมาดูให้หมดใครผิดใครถูกก็ว่ากันมา
“ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการไปร้องเรียนกับสหประชาชาตินั้น มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลแล้ว แต่คิดว่ามันเป็นปัญหาของเรา อย่าไปลากให้เขาเข้ามานักเลย แล้วทำไมเวลาที่ประชาชนเดือดร้อนบาดเจ็บล้มตายไม่ไปร้องกับเขา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนดูแลบ้างหรือไม่ ต้องย้อนกลับไปดูกันบ้างว่าที่ผ่านมาได้ดูแลข้าราชการเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่โดนไล่ล่า ไล่ตี มีการร้องเรียนให้ทหารบ้างหรือไม่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว