ผู้ว่าฯ สุโขทัย พาทหารตรวจพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ หลังมีคนโพสต์รูปต้นไม้ให้ถูกกานที่โคนจนยืนต้นตายจำนวนมาก พบเป็นฝีมือหัวหน้าคนงานทำความสะอาดในอุทยานฯ ซึ่งหนีไปแล้ว สะสมไม้ไว้เตรียมสร้างบ้านหลังเกษียณ สั่ง จนท.แจ้งความเอาผิด...   

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 58 พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผบ.กกล.รส.จทบ.พิษณุโลก พร้อมด้วย นายปิติ แก้วสลับสี ผวจ.สุโขทัย และ น.ส.นงคราญ สุขสม ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย นำกำลังทหารเข้าพื้นที่ ตรวจสอบหาความจริง กรณีกำลังเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียล ว่า ต้นไม้ใหญ่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง มีที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไปกานต้น เพื่อให้ต้นไม้ยืนต้นตายจำนวนมาก

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวทาง น.ส.นงคราญ สุขสม ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้ทำการสอบสวนในทางลับ จนทราบว่าเป็นฝีมือของ นายวิทูล ทั่งโต อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 ม.1 ต.ลานหอย อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย หัวหน้าคนงานทำความสะอาดอุทยานฯ ซึ่งไหวตัวหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว เบื้องต้นพบว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ ภายในอุทยานฯ ถูกกานให้ยืนต้นตายไปแล้วจำนวน 15 ต้น บางต้นมีขนาดใหญ่กว่า 2 คนโอบ และที่บริเวณรอยกานจะมีดินโคลนทาทับไว้ เพื่ออำพรางสายตา

...

จากนั้นคณะของ พล.ต.ผดุง ได้เข้าตรวจค้นบริเวณที่ดินของนายวิทูล ที่จับจองไว้ ด้านหลังชุมชนลิไท ม.3 ต.เมืองเก่า พบเพิงหลังใหญ่ ด้านหน้ามีไม้สักแปรรูปหลายขนาดประมาณ 50 แผ่น ด้านในพบไม้เรือนเก่า หีบอ้อยเก่า ล้อเกวียน มีที่นอนหมอนมุ้ง ลักษณะเป็นที่พัก ส่วนรอบๆ ยังพบไม้เนื้อแข็งกว่า 20 ท่อน ที่ยังไม่แปรรูปวางกระจัดกระจาย

ภายหลังตรวจสอบ น.ส.นงคราญ สุขสม ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน พบว่านายวิทูลได้สะสมไม้ที่ตัดจากบริเวณรอบนอกอุทยานฯ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ป่ามา 2 ปีแล้ว เพื่อนำมาสร้างบ้านอยู่อาศัยหลังเกษียณ บนที่ดินผืนนี้ที่จับจองไว้ สาเหตุที่เจ้าหน้าที่คนอื่นไม่กล้าแจ้งให้ตนทราบ เพราะนายวิทูลชอบทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลและปล่อยเงินกู้ โดยเก็บบัตรเอทีเอ็มของลูกหนี้ไว้ แล้วไปกดชดใช้ให้ตัวเองเมื่อเงินเดือนออก

ด้านนายปิติ แก้วสลับสี ผวจ.สุโขทัย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเก่า เจ้าของพื้นที่ เข้าทำการตรวจบันทึก โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ภายในอุทยานฯ และเขตชุมชนที่เจอไม้ท่อนกระยาเลย ไม้สักท่อน ไม้สักแปรรูปทั้งเก่าและใหม่ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งความ และทำบันทึกตรวจสอบจำนวน รายละเอียดของไม้ ส่วนอุทยานฯ ให้ตรวจสอบวินัยลูกจ้าง ตรวจสอบทรัพย์สินที่เสียหาย โดยเฉพาะการนำวัสดุอุปกรณ์ของอุทยานมาใช้ส่วนตัว ในส่วนของการดำเนินคดี สามารถแจ้งข้อหาลักลอบตัดไม้ในเขตอุทยานฯ ซึ่งเป็นการลักทรัพย์ รวมถึงการแปรรูปไม้จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ด้วย.