"ฤาษีพุทธจรัล" ฟันธง "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" จะนำชาติผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ไปได้ด้วยดี และจะอยู่อีกยาวนาน เพียงตั้งมั่นในความเป็นตัวเอง ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย เชื่อมีบุญญาธิการ...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ย.นี้ ที่อาศรมอมราวดี อายุเวทย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่พำนักของ "ฤาษีลอยตัว" ดร.พุทธจรัล นันสุนานนท์ วัย 73 ปี อดีตผู้จัดการวงดนตรีดิอิมพอสซิเบิล และเจ้าสำนักอาศรมฯ ได้เปิดสำนัก ให้ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ หลังจากทราบว่าได้ไปเข้านั่งสมาธิวิปัสสนาญาณภายในถ้ำแห่งหนึ่งในอำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน และได้นิมิตเห็นความเป็นไปของประเทศไทย ที่ความสุขสงบจะกลับคืนมาอย่างมั่นคง
ฤาษี ดร.พุทธจรัล เปิดเผยว่า หากจะให้พูดถึงอนาคตของคนอนาคตของประเทศชาติ หรืออนาคตของบ้านเมือง จะต้องมองใน 3 ระดับ ก็คือระดับหนึ่งผู้ให้กำหนด ระดับสองผู้รักษา ระดับสามทำให้ศูนย์ตั้งอยู่และดับไป ตั้งอยู่คือความร้อนความขัดแย้งที่จะต้องทำให้ดับไป การทำให้ดับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น หากจะมองอนาคตของบ้านเมืองก็มอง 3 ระดับนี้ ระดับช่วงหนึ่งมีความขัดแย้งสูง เพื่อต้องการที่จะจบคือฉีกรัฐธรรมนูญ และช่วงหนึ่งเริ่มต้นจะเห็นว่าทุกอย่างสงบเรียบร้อยดีมากในช่วงที่ คสช.เข้ามาใหม่ๆ 5 วัน 10 วันแรกทุกคนมีความสุขมาก เพราะมันมีเหมือนสภาวะการคืบคลานไปสู่ความเจริญงอกงามโดยธรรมชาติ พอเริ่มมีรัฐบาลขึ้นมา มันเริ่มจะมีความขัดแย้งเรื่องการตั้งอยู่ ที่คิดว่าจะอยู่รอดอย่างไร ใหม่ๆ เขาคิดว่าจะต้องสร้างบ้านเมืองให้สงบได้ก่อน เดี๋ยวนี้ 6 เดือนมาแล้วก็คิดว่าจะอยู่ยังไงให้ครบ 2 ปีตามโรดแม็ป แต่ฝ่ายที่จะทำให้มันดับให้มันสูญให้มันเลิก ก็จะไม่ลดราวาศอก อันนี้เป็นสัจธรรมชีวิต
ฤาษี ดร.พุทธจรัล เปิดเผยต่อว่า ผู้นำที่ฉลาดและมีสติสัมปชัญญะจะต้องเข้าใจภาวะนี้ก่อนไม่ต้องไปสนใจที่ว่ารัฐธรรมนูญใครเขียน เขียนอย่างไร จะมีนายกฯ เลือกตั้งใหม่หรือไม่ ไม่จำเป็น อันนั้นไม่ใช่คำตอบ คำตอบของบ้านเมืองก็คือ ต้องทำสภาวะของความบริสุทธิ์ปกติ หรือศีลให้คงที่ นั่นคือหน้าที่ของผู้นำ จะสังเกตไหมว่า วันนี้ผู้นำยิ้ม พรุ่งนี้ผู้นำหน้าตาบูดเบี้ยว มะรืนนี้หน้าตาคายไม่ออก เพราะฉะนั้นขบวนการนี้ทำให้ผู้นำขาดที่ยืนที่ชัดเจน คือมันมีอิทธิพลรอบด้าน เข้ามาแล้วจะทำอย่างไร คำตอบมันจึงไม่อยู่ที่การเขียนรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เลือกตั้งนายกฯ ใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่นักวิชาการ นักการเมือง หรือนักคิด คิดได้ เพราะคำตอบมันอยู่ที่ที่มาของสรรพสิ่ง สุญตา คือ ความว่างเปล่า เพราะ สุญตา เป็นผู้บริหารในชีวิต
...
ทั้งนี้ หากผู้นำรู้จักการนำ สุญตา ซึ่งเปรียบเหมือนศูนย์กลางของเมล็ด ผู้ให้กำเนิดต้นและน้ำหล่อเลี้ยงที่อยู่ในทุกส่วนของต้นเป็นผู้บริหาร รดน้ำเช้าเย็นเท่านั้นก็สำเร็จ อย่าไปแตะต้องใบทำไมมันเหี่ยว กิ่งทำไมมันวุ่นวาย อย่าไปแตะต้องกิ่งกับใบ รดน้ำเช้าเย็นเท่านั้น เหมือนการพูด ก็พูดให้น้อยลง แค่นี้อะไรก็สำเร็จ แต่ตอนนี้มัวมานั่งตอบคำถามสื่อมวลชน ถือเรื่องปฏิวัติไหม หรืออะไรก็เสร็จหมด แสดงว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง ไปรดน้ำต้นไม้ที่ปลูกไว้เช้าเย็น ความสำเร็จก็จะมาถึง และก็จะเป็นความสำเร็จของชาติ เมื่อรดน้ำเช้าเย็นให้เจริญแล้ว ดังนั้น คนที่จะเขียนรัฐธรรมนูญให้ทุกคนพอใจ มันจะปรากฏขึ้นเอง คนที่จะวางระบบให้ชาติบ้านเมืองเจริญ มันจะเกิดขึ้นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องยอมรับว่า 7 เดือนที่ คสช.เข้ามาอยู่ การเปลี่ยนแปลงมันดีขึ้น สิ่งที่ไม่ดีมันโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ อันนี้แหละส่อให้เห็นว่า ความบริสุทธิ์มันมีพลัง อะไรที่ไม่ดีจะผุดขึ้นมา และจะถูกกำจัดออกไปจากระบบ ตนพอใจที่เห็นวันนี้ และเชื่อว่าคนส่วนมากก็คงพอใจ คนส่วนน้อยอาจจะยังไม่ชอบ
ฤาษี ดร.พุทธจรัล เปิดเผยอีกว่า ขอให้ทุกฝ่ายตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม เด็กๆ สวดมนต์เช้าเย็น ทุกคนทำจิตใจให้สงบ มันจะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ทั้งหมดของชาติได้ ทางฟิสิกส์ ให้ไว้ว่า ถ้าเราสนใจสิ่งนี้เราปลุกเสก เราเปลี่ยนคุณสมบัตินั้นได้ และเท่าที่ได้มองแล้ว อนาคตบ้านเมืองโปร่งใส สบายใจได้ตามที่เห็นมีโหรหลายๆ ท่านพูดเช่นนั้น และขอบอกว่าผู้นำคนนี้จะอยู่ได้อีกนาน เพราะเขาเหมือนกับถูกธรรมชาตินำมาวางให้ ถึงแม้เขาไม่ชอบ แต่เขาต้องทำ หากเขาเลือกได้ พรุ่งนี้เขาคงเลือกกลับบ้านดีกว่าแต่เขาก็ต้องทำและจะต้องทำได้ดีด้วย ถึงแม้ยังจะมีการระส่ำระสายอยู่บ้าง แต่ไม่รุนแรง
ขณะเดียวกัน ที่บอกว่าผู้นำคนนี้จะอยู่ต่อ ก็เพราะว่าท่านมีศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พูดง่ายๆ ท่านกราบพระบาทพระเจ้าอยู่หัวอย่างเต็มกำลัง และพระเจ้าอยู่หัวก็หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระสยามเทวาธิราช ที่ผ่านมาตนพูดได้เลยว่า ไม่มีผู้นำคนไหน กราบพระบาทพระเจ้าอยู่หัวเท่ากับผู้นำคนนี้ ถือเป็นสิ่งที่อยู่รอดของชาติบ้านเมือง แสดงว่าบารมีของพระสยามเทวาธิราช บารมีของพระเจ้าอยู่หัวในตอนนี้ เป็นบารมีที่แข็งแกร่งมากกว่าทุกยุคทุกสมัย และตัวผู้นำคนนี้เหมือนเทพเทวา หรือพระสยามเทวาธิราชส่งผู้นำคนนี้มาให้เลย เพื่อสิ่งนี้คิดสิ่งนี้ เมื่อเขาทำจริง สิ่งแวดล้อมในภูมิของประเทศ ก็ดูแลคุ้มครองผู้นำคนนี้ และตนก็ส่งพลังจิตกระซิบข้างหูผู้นำคนนี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มีพลังในการทำงาน
"พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ดูท่าทีจะอ่อนและยืดหยุ่นตัวเองลงบ้าง เรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวไม่ดีแน่ คือคำว่า ประชาวิจารณ์ สมมติว่า คนๆ หนึ่ง จิตสำนึกเขา 100 คือ อรหันต์ แต่นายกฯ ประยุทธ์ มาเป็นผู้นำ เขาเกิน 50 แล้ว เขารู้อะไรเกิน 50 แล้ว เขาไปถามคนเกิน 20 หรืออยู่ 10 มาประชาวิจารณ์ ให้ความคิดเห็นมันถูกต้องหรือไม่ เขาจะได้อะไรกับคนพวกนี้ เขาจะต้องไม่ฟังเลย ทำอย่างเดียว หากเป็นต้นไม้ ก็รดน้ำให้อย่างเดียว ฟ้าจะร้อง ฝนจะตกไม่เกี่ยว ถึงจะชนะ ถ้าฟังแสดงว่าแพ้แล้ว เหมือนนักการเมือง ซึ่งนักการเมืองต้องฟังถึงจะได้เสียง เขาแพ้ตั้งแต่ต้นแล้ว มันไม่ใช่บ้านเมือง มันเป็นเรื่องเสียง
ขณะที่นายกฯ ประยุทธ์ ตอนแรกไม่ฟังใคร ตนชอบมาก เขาต้องเดินหน้าอย่างเดียว แล้วทุกคนจะพอใจ พอเขาเริ่มฟังปุ๊บ มันจะออกมาเป็นกลุ่ม เดี๋ยวชอบ เดี๋ยวไม่ชอบ เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มี และเขาจะตัดสินใจผิดแล้วเพราะเขาจะไม่หนักแน่น มันผิดวิสัยเขา เขาไม่ชอบแน่ เพราะวิสัยเขาจะไม่ฟัง ทำอย่างเดียว แต่กลับมีคนรอบข้างบอกว่าจะต้องฟังบ้าง พูดก็ให้พูดเพราะมันผิดวิสัยเขา หากเป็นเช่นนี้จะแพ้เขา เขาแพ้ หมายถึงประเทศชาติแพ้ ผู้นำหากจะนำไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อผู้คนทั้งประเทศต้องทำให้ได้ แต่ทันทีที่เป้าหมายเพื่อตัวเอง เพื่อคนรอบข้าง เพื่อเสียงนิยมเมื่อใด จะเสร็จสิ้นแน่ ตนไม่อยากให้เขาเป็นเช่นนั้น" ฤาษี ดร.พุทธจรัล กล่าว
...