คดีลอบขุดดินในที่ ส.ป.ก.โคราชขายมูลค่าร่วมร้อยล้าน ตำรวจท้องที่ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนา ยืนยันไม่มีซูเอี๋ย เสนอศาลอนุมัติหมายจับ ‘พ.ต.อ.’และพวก ได้ภายในปีนี้แน่ เผยต้องสอบอุตสาหกรรมจังหวัดเพิ่มด้วย
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเมื่อวันที่ 29 ก.ย.57 คณะทำงานด้านกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 นำโดย พ.อ.สมหมาย บุษบาพร้อมด้วยกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบ พบนายทุนบุกรุกที่ สปก.4-01 บริเวณ ต.ไชยมงคล อ.เมืองนครราชสีมา ลักลอบขุดหน้าดินไปขายกว่า 300 ไร่ มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยมีชื่อของนายตำรวจยศ พ.ต.อ.คนหนึ่งเป็นผู้ครอบครอง และนายวารินทร์ ลาบสันเทียะ เป็นนายทุนใหญ่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่9 ธ.ค. ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ50 พรรษาฯ อ.เมืองนครราชสีมา พ.ต.อ.อัทธชนม์ ช่วงงาม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง เปิดเผยความถึงคืบหน้าคดีขุดดิน ส.ป.ก.ว่า คดีนี้อยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวนที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้พยานหลักฐานยังมีไม่เพียงพอที่จะเสนอศาลออกหมายจับบุคคลทั้งสองได้ แต่คดีส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไร ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนของกฎหมาย คิดว่าการขอศาลอนุมัติหมายจับ น่าจะขอได้ภายในเดือนนี้ได้
พ.ต.อ.อัทธชนม์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ต้องหา ที่ออกหมายเรียกไปแล้ว2ครั้ง แต่ยังไม่มาติดต่อตามหมายเรียก และขณะนี้เกินกำหนดไปแล้วนั้น แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอาญา จึงต้องดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างรัดกุม ซึ่งตอนนี้การสอบพยานบางปากยังไม่เรียบร้อย บางปากก็ไม่ให้ความร่วมมือ บางปากยังไม่ยืนยันชัดเจน ซึ่งตรงนี้พนักงานสอบสวน ต้องรอให้มีพยานหลักฐานเพียงพอก่อน สรุปว่าเราต้องสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องให้หมด รวมทั้งอุตสาหกรรมจังหวัด ที่จะต้องสอบเพิ่มเติมด้วย คดีนี้เป็นคดีอาญายอมความไม่ได้ ตำรวจต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
...
ต่อข้อถามว่า ดินที่ถูกขโมยขุดไปถือเป็นสมบัติของแผ่นดินหรือเปล่า พ.ต.อ.อัทธชนม์ ตอบว่า ตรงนี้เราก็ต้องดูด้วยเหมือนกันว่า เป็นของส่วนบุคคลหรือเปล่า หรือเป็นของหน่วยงานใด เราต้องดูรายละเอียดตรงนั้น ต้องดูเป็นเรื่องๆไป เพราะมีอยู่ 4 คดี ตนตอบได้ในภาพรวมว่า ตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือฝ่ายใด ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทำตามพยานหลักฐาน เพราะเราใช้ในรูปคณะกรรมการ และในรูปของเจ้าของคดีที่รับผิดชอบด้วย
"ยืนยันว่าคดีนี้ไม่หนักใจ โดยทาง พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ผบช.ภ.3 และพล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.นครราชสีมา ก็ได้กำชับให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องค่าเสียหายหรือจะต้องชดใช้อย่างไรหรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ทั้งยังต้องดูความเห็นของอัยการด้วย ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานส่งขึ้นไป ส่วนเรื่องออกหมายจับ อย่างช้าไม่เกินภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม หากบุคคลทั้งสองจะติดต่อขอมอบตัวต่อสู้คดี ตำรวจก็พร้อมที่จะแจ้งข้อกล่าวหา การสู้คดีก็เอาพยานหลักฐานมาว่ากันไป ไม่มีปัญหา" พ.ต.อ.อัทธชนม์ กล่าว