ฟังอีกมุม ดราม่า 3 ชีวิตนอนใต้แผงผัก ลูกชายโต้ไม่เคยทิ้งพ่อแม่ พยายามให้ครอบครัวกลับเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว ด้าน พมจ. ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือตรวจสอบ ไม่พบสารเสพติด-อาการหลอน

จากกรณี ที่ชาวบ้านเวทนา 3 ชีวิต ใช้แผงขายผักในตลาดเป็นที่ซุกนอน หลังถูกลูกชายทาสยา มีอาการจิตเวช อาละวาดสารพัด จนต้องออกจากบ้านมากว่า 3 ปี ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (สงสาร 3 ชีวิต ใช้แผงขายผักเป็นที่ซุกนอน อ้างเจอลูกชายอาละวาด ไล่ออกจากบ้าน)

ล่าสุด วันที่ 2 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านแห่งหนึ่งใน ต.บ้านเชี่ยน อ.หันคา จ.ชัยนาท พบนายต้น อยู่บ้านเพียงลำพัง แต่งชุดขาวเดินออกมาจากบ้านพร้อมบอกว่ากำลังสวดมนต์ ที่หน้าบ้านนั้นมียันต์ตามสำนักต่างๆ และหลวงพ่อ เกจิดัง ท้าวเวสสุวรรณ แปะอยู่หน้าบ้าน บนบ้านอยู่เต็มไปหมด แถมสวดมนต์บทต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว เมื่อสอบถามเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับครอบครัว มีท่าทีและพูดจาดี บางคำถามไม่ยอมตอบ โดยเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น หรือ หยุดพูดทันที ซึ่งข้อมูลไม่ตรงกับที่ทางพ่อและแม่ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวในเบื้องต้น บ่ายเบี่ยงทุกประเด็นแถมอ้างว่า ไปหาพ่อแม่และลูกของตนเองบ่อยครั้งตามฤกษ์สะดวก แถมยังมีเรื่องรับขันธ์

โดยนายต้น  เปิดเผยว่า ตอนนี้อยู่บ้านคนเดียว พ่อแม่อยู่ตลาดวัดบ้านเชี่ยน อาชีพขายของ วันนี้สวดมนต์ หลายบทประมาณ 2 ชั่วโมง ปกติสวดมนต์ทุกวัน เมื่อถามถึงลูก ทราบว่าให้ลูกไปอยู่กับแม่ (ย่า) เรียนโรงเรียนทับนา ตนเป็นคนดุๆ ลูกจึงไม่ค่อยติด แม่นอนที่ตลาดไม่กลับมานอนที่บ้านเลย พยายามให้กลับเข้าบ้านอยู่ เพราะครอบครัวอยากให้อยู่ที่บ้าน สภาพบ้านจะเป็นอย่างไรก็บ้าน ตนไม่รู้ว่าแม่เขามีอะไร เวลาทำความสะอาดบ้านแม่ชอบว่าตนเก็บของแม่ไปทิ้ง เราอยากเก็บบ้านให้เรียบร้อย ตอนแม่อยู่เขาไม่เก็บบ้านเลย พอเราเก็บเขาก็บ่น หาว่าเราเอาของเขาไปทิ้ง 

...

ฟังอีกมุม ดราม่า 3 ชีวิตนอนใต้แผงผัก ลูกชายยัน พยายามให้ครอบครัวกลับมาบ้านแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องงาน นายต้นเปิดเผยว่า ไม่ได้ทำงานมา 3 ปีแล้ว เพราะมีผู้อุปถัมภ์ค้ำชู ขาดเหลืออะไรเขาก็ช่วย  ที่บ้านเลี้ยงไก่  และแมว อาหารแมวเขาก็ส่งมาให้ อยากให้พ่อแม่กลับบ้าน แต่เรื่องที่ทำให้แม่ไม่กลับบ้าน ในส่วนตัวตนพูดไม่ได้ แต่การกระทำเรารู้อยู่ในใจ เรามีปัญหาอะไรหลายอย่าง มีเรื่องฝังใจที่อธิบายยาก เป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ แต่ไปหาแม่เกือบทุกวัน เราไม่ได้สร้างภาระให้เขา ไม่เคยขอเงินเขา มีแต่ให้ แม้เราอยู่ในสภาพนี้แต่ไม่เคยทิ้งพ่อแม่

ด้าน นายอดิศร เกิดโต นายอำเภอหันคา เปิดเผยว่า ได้มอบหมาย นายเมธรวิสร์ วรินภิรมย์ ปลัดอาวุโส บูรณาการร่วมกับ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสหวิชาชีพ ได้แก่ สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.หันคา ผู้แทน ทต.บ้านเชี่ยน  ผอ.รพ.สต. บ้านไร่สวนลาว  นักสังคมสงเคราะห์ พมจ.ชน. นักจิตวิทยา สพป.ชัยนาท บ้านพักเด็กและครอบครัวชัยนาท ผอ.รร.วัดประชุมธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและวางแผนแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว 

พบข้อมูลว่า กรณีดังกล่าวสาเหตุเกิดจาก นายต้น อายุ 36 ปี มีอาการทางจิตเวช เนื่องจากเคยเสพยาแล้วได้รับยาไม่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2564 เคยทำร้ายร่างกายมารดาคือ น.ส. มนัส และลูกชายตนเอง ปัจจุบันย่าจึงได้พาหลานชายอายุ 14 ปี ไปพักอาศัยอยู่ที่แผงขายผัก ซึ่งเช่าอยู่ที่วัดบ้านเชี่ยน ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จนถึงปัจจุบัน เพราะที่วัดได้เช่าแผงขายผักเดือนละ 3,000 บาท มีน้ำไฟฟ้าใช้ ปัจจุบันมีหนี้สินที่เกิดจากการค้ำประกันจากการกู้ธนาคารฃในบ้านหลังดังกล่าวด้วย สหวิชาชีพจึงได้ประชุมและวางแผนแนวทางแก้ไขโดยจะดำเนินการดังต่อไปนี้

1. พมจ. มอบเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ยากไร้จำนวน 3,000 บาท เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาเบื้องต้น

2. นักจิตวิทยา สพป. ชัยนาท และนักสังคมสงเคราะห์บ้านพักเด็กและครอบครัวดูแลเยียวยาทางจิตใจให้กับเด็กและครอบครัว

3. ฝ่ายปกครองและตำรวจจะเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อนำบิดาของเด็กไปเข้าสู่กระบวนการคัดกรองและรักษา ตามกระบวนการต่อไป

4. เทศบาลตำบลและ รพ.สต. จะดูแลติดตามและช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้อง

5. โรงเรียนวัดประชุมธรรมใช้กลไกระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนติดตามช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ได้มอบหมาย นายโฆษิต พูลน้อย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหันคา ไปเชิญตัวนายต้นนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองทางจิตเวช ที่แผนกจิตเวชโรงพยาบาลหันคา ผลปรากฏว่า จากการคัดกรองแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการปกติ ไม่พบสารเสพติด และอาการหูแว่ว หรือ ประสาทหลอนที่กล่าวอ้างถึงไม่มี จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นเรื่องปัญหาภายในครอบครัว