“สแกมเมอร์” หรือ “มิจฉาชีพ ออนไลน์” กลายเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นปัญหาข้ามพรมแดนที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ...ปัญหาสแกมเมอร์จึงไม่ใช่แค่ปัญหาระดับชาติ แต่เป็นปัญหาระดับโลก
ปัจจุบันกลุ่มสแกมเมอร์มีการพัฒนาเทคนิคที่ซับซ้อนขึ้น ใช้ AI ฟิชชิ่ง (Phishing) มัลแวร์...ทำให้สามารถแฮ็กระบบและขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ง่ายขึ้น Deepfake...ทำให้สามารถปลอมเสียงและวิดีโอได้อย่างแนบเนียนและเทคนิควิศวกรรมสังคม (Social Engineering) สร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อหลอกลวงเหยื่อทั่วโลก
น่าสนใจว่า “สแกมเมอร์” ไม่ได้ส่งผลแค่ต่อบุคคลที่ถูกหลอก แต่ยังกระทบเศรษฐกิจ สังคม และระบบกฎหมายของทุกประเทศ ทำให้การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือในระดับสากล
ข้อมูลจากหน่วยงานสืบสวนระหว่างประเทศพบว่า เครือข่าย สแกมเมอร์ไม่ได้อยู่แค่ในประเทศเดียว หากแต่ศูนย์กลางของแก๊งสแกมเมอร์มักอยู่ในประเทศที่กฎหมายอ่อนแอ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากกัมพูชาและเมียนมา เครือข่ายฟิชชิ่งจากไนจีเรีย มิจฉาชีพไซเบอร์จากยุโรปตะวันออก
จับตาไปที่มูลค่าความเสียหายจากสแกมเมอร์ที่พุ่งสูงทั่วโลก ยกตัวอย่าง สหรัฐอเมริกา...ในปี 2023 มีผู้เสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์มากกว่า 8 แสนราย มูลค่าความเสียหายกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สหราชอาณาจักร...มีการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และ SMS กว่า 100 ล้านครั้งในปีเดียว ส่วน...ไทยแลนด์แดนสวรรค์ “ประเทศไทย”...มูลค่าความเสียหายจากสแกมเมอร์สูงถึง 80 ล้านบาทต่อวัน
ด้วยผลกระทบเป็นวงกว้างนี้ ทำให้...คนจำนวนมาก ตกเป็นหนี้หรือสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวิต เกิดภาวะความไม่เชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์
...
“ประชาชนเริ่มหวาดระแวง ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ คนจำนวนมากเริ่มไม่กล้าทำธุรกรรมออนไลน์หรือให้ข้อมูลส่วนตัวกับหน่วยงานใดๆ บางคนถึงกับฆ่าตัวตายเพราะถูกโกงเงินทั้งหมด กรณีของโรแมนซ์ สแกม...หลอกให้รักแล้วโกงเงิน ทำให้เหยื่อเสียทั้งเงินและความรู้สึก บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตาย”
ปัญหาสแกมเมอร์ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาของไทย แต่เป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันแก้ไข ตัวอย่าง “โมเดลต่อต้านสแกมเมอร์” ประเทศสิงคโปร์ พัฒนาแอป “ScamShield” ให้ประชาชนใช้เพื่อคัดกรองเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นมิจฉาชีพ...
สหรัฐอเมริกา “FBI Internet Crime Complaint Center (IC3)” จัดตั้งศูนย์แจ้งอาชญากรรมออนไลน์ ที่ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ และประเทศไทยมี “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศ (PCT)” จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะทาง เพื่อเร่งดำเนินคดีต่อแก๊งสแกมเมอร์

ปัญหาสำคัญมีว่า...สแกมเมอร์พัฒนาเทคนิคใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เทคนิค...วิธีการที่มีความซับซ้อนพัฒนารวดเร็ว ทำให้การหลอกลวงมีความแนบเนียนจนเหยื่อจำนวนมากตกเป็นเป้าหมาย
“สแกมเมอร์” อาศัยช่องโหว่ทางเทคโนโลยีและจิตวิทยาในการล่อลวง ขโมยเงิน...ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฟิชชิ่ง แชร์ลูกโซ่ดิจิทัล มิจฉาชีพที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือธนาคาร
ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์อัจฉริยะ” สแกมเมอร์ใช้ AI Clone Voice ปลอมเสียงของเจ้าหน้าที่รัฐหรือธนาคาร หลอกเหยื่อว่ามีปัญหาทางกฎหมาย บัญชีธนาคารผิดปกติ หรือพัวพันคดีฟอกเงิน
เป้าหมาย...ผู้สูงอายุ คนที่ไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี นักธุรกิจที่กลัวผลกระทบทางกฎหมาย...เหยื่อมักตื่นตระหนก ทำให้หลงเชื่อและโอนเงินตามคำสั่งของมิจฉาชีพ...น่าสนใจว่า AI สามารถปลอมเสียงได้ แม้แต่เสียงของญาติหรือคนใกล้ชิดของเหยื่อ
ถัดมา... “ฟิชชิ่งขั้นสูง” ใช้เว็บไซต์ปลอมที่เหมือนกับธนาคารหรือหน่วยงานรัฐ เพื่อขโมยข้อมูลส่ง SMS หรืออีเมลปลอม แจ้งว่าบัญชีของเหยื่อมีปัญหาและให้กดลิงก์เพื่อแก้ไข

เป้าหมาย...ผู้ใช้แอปธนาคารและธุรกรรมออนไลน์ คนที่ทำธุรกรรมผ่าน QR Code และ Mobile Banking...เมื่อเหยื่อป้อนข้อมูล ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่านและ OTP สแกมเมอร์สามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ทันที...
...
เว็บไซต์ปลอมบางแห่งใช้เทคนิค Keylogger เพื่อติดตามทุกการกดแป้นพิมพ์ของเหยื่อ
สาม... “Deepfake Scam หลอกลวงด้วยวิดีโอและภาพ ปลอม” ใช้ Deepfake ปลอมใบหน้าและเสียงของผู้มีชื่อเสียง หรือเจ้าหน้าที่รัฐหลอกลวงผ่านวิดีโอคอลให้เหยื่อเชื่อว่ากำลังพูดกับบุคคลจริงที่เหยื่อไว้ใจ เพื่อให้เชื่อว่ามีการทำธุรกรรมจริง...อาจถูกใช้เพื่อหลอกให้เหยื่อโอนเงิน หรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ
สี่...Romance Scam และ Love Scam ที่ใช้ AI Chatbot คุยกับเหยื่อ 24 ชั่วโมง ทำให้เหยื่อเชื่อว่าคุยกับคนจริง...หลอกให้เหยื่อตกหลุมรัก ก่อนจะขอเงิน โอนเงิน หรือร่วมลงทุน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ...คนโสดที่กำลังมองหาความรัก ผู้หญิงและผู้สูงอายุที่ขาดความอบอุ่น
“เหยื่อบางรายสูญเสียเงินไปหลายล้านบาทเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจริงใจ...แถม AI ยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของเหยื่อ ทำให้การหลอกลวงแนบเนียนยิ่งขึ้นไปอีก”
ห้า...แชร์ลูกโซ่คริปโตและ Forex ปลอม...อ้างว่าลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี, Forex หรือหุ้นดิจิทัล ใช้อินฟลูเอนเซอร์ปลอม และโฆษณาเกินจริงเพื่อดึงดูดเหยื่อ เป้าหมายคือ
นักลงทุนหน้าใหม่ที่ต้องการผลตอบแทนสูง คนที่อยากมีรายได้เสริม... เมื่อเหยื่อลงทุนแล้ว มิจฉาชีพจะให้ผลกำไรระยะแรกเพื่อให้เหยื่อตายใจ

...
เมื่อมีเหยื่อจำนวนมาก สแกมเมอร์จะปิดแพลตฟอร์มแล้วหายตัวไป
ถึงตรงนี้ คาถากันภัย “มิจฉาชีพออนไลน์”...อย่าเชื่อสิ่งที่ดูดีเกินจริง “ไม่มีการลงทุนที่ได้กำไรมหาศาลโดยไม่มีความเสี่ยง”...ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนโอนเงิน เช็กชื่อบัญชีปลายทาง หลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านซ้ำ ถ้ามีคนขอให้โอนเงิน ลองโทร.กลับหาบุคคลนั้นโดยตรง...ตั้งสติช้าๆได้พร้าเล่มงาม.
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม