ดูตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาว่าด้วย “มรสุมฤดูร้อน” ที่ผมเขียนถึงเมื่อวานนี้...วันนี้ (18 มีนาคม) ยังอยู่ในข่ายที่อาจเจอทั้งพายุฤดูร้อนและลมหนาวหลงฤดูนะครับ
ผมขอบคุณไปเรียบร้อย ทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาและท่าน มท.1 ที่นอกจากจะออกมาช่วยเตือนให้คนไทยระมัดระวังและเตรียมตัวเผชิญเหตุการณ์แล้ว ท่านยังสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด “เตรียมพร้อม” ที่จะช่วยบรรเทาทุกข์ประชาชนอีกด้วย
ขณะเดียวกันผมก็ถือโอกาสเรียนให้พี่น้องชาวไทยเตรียมตัวเผชิญพายุเศรษฐกิจจากสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับนานาอารยประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย
บวกกับ “พายุหมุน” ที่อาจจะรุนแรงก็ได้ในอนาคตที่ประเทศไทยของเราจะต้องเผชิญจากนานาอารยประเทศ (บางประเทศ) กรณีที่เขาทั้งโกรธทั้งแอนตี้ อันเป็นผลจากการที่เราส่งตัวผู้ลี้ภัยอุยกูร์กลับประเทศจีน
วันนี้ขอให้กำลังใจต่อและขอเชิญชวนให้นึกถึงความสุขล่วงหน้ากันดีกว่า เผื่อจะช่วยบรรเทาความวิตกจาก “มรสุมฤดูร้อน” ทั้งมรสุมจริงและมรสุมด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงการเมืองที่ค่อยๆก่อตัวอย่างน่ากังวลมากขึ้นทุกวัน
นั่นก็คือ ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านไปเที่ยวงานหนังสือครับ...แถลงข่าวออกมาแล้ว โดยท่านนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) คุณสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์
คุณสุวิชบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเหตุที่ใช้ธีม “ย.ยักษ์อ่านใหญ่” สำหรับงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็เพราะงานปีนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆมาเยอะ
เราจึงใช้ธีมว่า “ย.ยักษ์อ่านใหญ่” แผลงมาจาก “ย.ยักษ์เขี้ยวใหญ่” ในแบบเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ สำหรับเด็กอนุบาลนั่นเอง
...
ใหญ่ เพราะปีนี้เราจะขยายฮอลล์จาก 3 เป็น 4 ฮอลล์ เนื้อที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร และจะมีบูธกว่า 1,200 บูธ จากกว่า 400 สำนักพิมพ์มาออกงาน
ที่สำคัญเมื่อปีที่แล้ว เราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งจากกิจกรรม Bangkok Rights Fair 2024 หรืองานซื้อขายลิขสิทธิ์ ซึ่งมีสำนักพิมพ์และตัวแทนซื้อขายลิขสิทธิ์จากประเทศต่างๆมาร่วมอย่างคึกคัก ทำให้ยอดขายลิขสิทธิ์ของนักเขียนไทยเราสูงถึง 50 กว่าล้านบาท
ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 68.5 ล้านบาท เพราะสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์จะมาร่วมงานมากกว่าปีที่แล้วหลายประเทศ
ในส่วนของตัวเลขและข้อมูลอื่นๆนั้น ผมนึกขึ้นมาได้ว่ามีสถิติของปีเก่าๆอยู่ก็เลยกลับไปเปิดและคัดลอกมาเพื่อท่านผู้อ่านมิตรรักแฟนหนังสือ ดังนี้
เริ่มจาก จำนวนผู้ออกบูธ มากที่สุด ได้แก่ ปี 2560 สูงถึง 947 บูธ รองลงไป ได้แก่ ปี 2561 เช่นกัน รวม 941 บูธ ในขณะที่ปีกลาย 2567 รวมจำนวนบูธ 899 บูธ แม้จะเพิ่มขึ้นหลังโควิด แต่ก็ยังน้อยกว่าปีก่อนๆ
จำนวนผู้ชมงาน ก็อีกแหละ ปี 2560 สูงสุดถึง 1.6 ล้านคนส่วนปีที่แล้ว 2567 อยู่ที่ 1.2 ล้านเศษ ถือว่าน่าพอใจเพราะค่อยๆตีตื้นขึ้นมาหลังจากหยุดจัดงานในช่วงโควิดไป 2 ปี (2563-2564)
ยอดขาย โอเคเลยครับ แชมป์คือปีกลาย 2567 ขายได้สูงถึง 403,197,622 บาท (ขอใส่ตัวเลขเต็มๆ) รองลงไปคือปี 2561 ขายได้ 363,358,967 บาท และปี 2562 ขายได้ 352,963,021 บาท
ปีนี้ 2568 หรือปี “ย.ยักษ์อ่านใหญ่” จะมีบูธทั้งสิ้น 1,200 บูธมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายจะเป็นเท่าไรเดี๋ยวก็รู้
ท่านนายกประมาณไว้ที่ 420 ล้านบาท ขอเอาชนะปีกลายนิดๆหน่อยๆเท่านั้น จะได้หรือไม่ได้อย่าลืมลุ้นด้วยนะครับ.
"ซูม"
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม