ชื่นชม หนุ่มวัย 28 ปี เก็บของเก่าขายหาเลี้ยงยาย เจอเงิน 1 แสนรีบเก็บส่งตำรวจ สาวเจ้าของเงินสุดดีใจได้เงินคืน อาสาพาไปส่งบ้านยิ่งสงสาร อยากจ้างงานเป็นการตอบแทน
เมื่อเวลา 10.07 น. วันที่ 13 มีนาคม 2568 ขณะที่ ร.ต.อ.เมธี ทัพสุริย์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มี นายบุญกอง มั่นเมืองปัก หรือน้ำฝน อายุ 28 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ หมู่ 5 ต.หนองแวง อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ปั่นจักรยานพ่วงรถเข็นของเก่า เข้ามาแจ้งความว่า ตนเก็บเงินสดเป็นธนบัตร 1,000 บาท ได้ 1 ปึก ไม่ทราบว่าเป็นเงินของใคร จึงอยากให้ตำรวจช่วยตามหาเจ้าของ โดยเก็บได้อยู่ริมถนนกลางใหญ่-น้ำโสม หน้าบริษัทเมืองไทยแคปปิตอล สาขา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

ตำรวจได้ทำการนับธนบัตรพบว่าเป็นจำนวน 100,000 บาท จึงลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ก่อนที่จะพานายน้ำฝนไปชี้จุดที่เก็บเงินสดได้ เพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน และตรวจเช็คกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาเบาะแสว่าใครเป็นเจ้าของ

...
ระหว่างนั้นมีนางปิยะนุช ศรีทอง หรืออุ๊ อายุ 41 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้ขับรถกระบะมากับครอบครัวที่จุดเกิดเหตุ เพื่อมาตามหาเงินสดที่ทำหล่นหายไว้เช่นกัน จึงเชิญตัวทั้งหมดไปทำการสอบสวน และพิสูจน์ทราบเรื่องราวทั้งหมดที่โรงพัก
เมื่อมาถึงโรงพัก พ.ต.อ.ชัยศักดิ์ บูรณะบัญญัติ ผกก. สภ.กลางใหญ่ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาพูดคุยและสอบถามถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ซึ่งนางปิยะนุช ยืนยันได้ว่าเงินสดจำนวนดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร และทำตกไว้ในลักษณะไหน เมื่อพิสูจน์ได้แน่ชัดแล้ว จึงมอบเงินทั้งหมดคืนแก่นางปิยะนุช ท่ามกลางความดีใจของญาติ

ทั้งนี้ นางปิยะนุช ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมนายน้ำฝน ที่เป็นพลเมืองดีเก็บเงินได้แล้วนำมาแจ้งตำรวจ จากนั้นได้มอบสินน้ำใจให้นายน้ำฝน 3,000 บาท และนำจักรยานและรถเข็น ขึ้นรถกระบะไปส่งที่บ้าน
นางปิยะนุช เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ตนทำธุรกิจรับซื้อยางพารา วันนี้จะต้องใช้เงินสดจำนวนมาก ไปรับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่ จึงได้นำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 11 เส้น ไปจำนำที่ร้านทอง ได้เงินสดมา 450,000 บาท เมื่อกลับมาถึงลานรับซื้อ ตรวจเช็คดูเงินอีกครั้ง ก็พบว่าเงินสดหายไป 1 ปึก เหลือเงินอยู่แค่ 350,000 บาท พยายามหาในรถแล้วก็ไม่พบ จึงพากันย้อนกลับมาที่ร้านทอง เช็ควงจรปิดก็เห็นว่าส่งมอบเงินครบถ้วน จึงย้อนมาตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่จอดรถเพื่อกดเงินจากตู้ ATM ก็เห็นตำรวจอยู่ตรงนั้นพอดี

"จากนั้นพวกตนก็รีบถามตำรวจเลยว่า มาเรื่องเงินหาย 1 แสนบาทใช่หรือไม่ ตำรวจก็งงว่ารู้ได้ยังไง ตนก็อธิบายที่มาที่ไป จนได้พากันไปที่โรงพักเพื่อพิสูจน์ความจริง และส่งมอบเงินคืนกันในที่สุด ดีใจมากที่ได้เงินคืนครบถ้วน ไม่นึกว่ายังมีคนดีแบบนี้อยู่ในสังคม หากเป็นคนอื่นคงเก็บเงินเอาไปใช้แล้ว แต่นายน้ำฝนเป็นคนดีมาก ไม่คิดอยากได้ของคนอื่นเลย น้องเขาเป็นคนดีจริงๆ ไม่รู้ว่าจะขอบคุณนายน้ำฝนยังไง เบื้องต้นจึงได้ให้เงินเป็นน้ำใจไปเล็กน้อย"

...
นางปิยะนุช เล่าให้ฟังด้วยความตื้นตันใจอีกว่า หลังจากเห็นสภาพบ้านแล้ว น้องเขาน่าสงสารมาก ต้องเก็บของเก่าขาย เก็บ 10 วัน รวบรวมของเก่าไปขาย ได้เงินมาประมาณ 500-600 บาท ถามชาวบ้านก็บอกน้องเป็นคนดี อยู่กับยาย 2 คน น้องน้ำฝนต้องหาเลี้ยงยายเพียงลำพัง น้องไม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากนี้จะปรึกษากับครอบครัว จะหาทางช่วยเหลือน้องเพิ่มอีก อยากจะจ้างเขาไปดูแลสวนยาง หรือมาทำงานอยู่ที่ลานรับซื้อยาง คนดีๆ แบบนี้หายาก เป็นการตอบแทนน้อง และส่งเสริมน้องให้มีรายได้เลี้ยงยายในอนาคต.