สตง.ประสานตำรวจ ปปป.เชือดเจ้าหน้าที่กองกีฬาฯ กทม. 7 คน ทุจริตทำใบเบิกจ่ายค่าซ่อมรถบัสทิพย์ 28 ครั้ง เป็นเงินรวมเกือบ 2.8 ล้านบาท ตั้งแต่ระดับอดีต ผอ.ยันเจ้าหน้าที่ธุรการ หลังปลอมเอกสารเบิกเงินหลวงค่าซ่อมรถบัส 5 คันทั้งดุ้น จน สตง.ตรวจพบพิรุธแจ้งตำรวจดำเนินการ สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ ตามข้อเท็จจริงมีผู้ร่วมขบวนการคนที่ 8 แต่ชิงยิงตัวตายไปก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี

เจ้าหน้าที่กองกีฬาฯ กทม.ทำงามหน้า ร่วมกันทุจริตค่าซ่อมรถทิพย์ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 มี.ค. นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. เจ้าหน้าที่สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเจ้าหน้าที่ สตง.เดินทางไปยังอาคารกีฬาเวสน์ 1 ถนนมิตรไมตรี แขวงและเขตดินแดง ขอรับมอบตัวกลุ่มเจ้าหน้าที่กองการกีฬา สํานักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร 7 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันรับรองเอกสารเท็จ กรณีร่วมกันทุจริตงบประมาณจัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ สร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นเงินกว่า 2,790,748 บาท

เจ้าหน้าที่กองการกีฬาฯทั้ง 7 คนที่ถูกออกหมายจับประกอบด้วย 1.นายดำรงค์ รื่นสุข อายุ 61 ปี อดีตผู้อำนวยการ กองการกีฬาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 19/68 2.นายภูมินทร์ มลทิพย์ อายุ 42 ปี นักพัฒนาการกีฬา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 20/68 3.นายคมกริช หมัดป้องตัว อายุ 52 ปี นักพัฒนาการกีฬา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 21/68 4.นายปฏิญญา ณะมี อายุ 47 ปี เจ้าพนักงานพัสดุ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 22/68 5.น.ส.สิริกัญญา บุญพัก อายุ 43 ปี เจ้าพนักงานธุรการชำนาญการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 25/68 6.นายอภินันท์ ประเสริฐแสง อายุ 47 ปี นักพัฒนาการกีฬา และ 7.น.ส.สุชาวดี สุขสุวรรณ อายุ 43 ปี นักวิชาการพัสดุ สังกัดกองการกีฬาฯ

...

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบความผิดปกติการเบิกงบประมาณจัดจ้างซ่อมรถบัสของกองการกีฬา สํานักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จํานวน 5 คัน ประสานข้อมูลไปยังตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ดําเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด จากการตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับการจัดจ้างพบว่า ระหว่างปี 2565-2567 มีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถแต่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงรวม 28 ครั้ง เป็นเงินรวม 2,790,748 บาท มีกลุ่ม เจ้าหน้าที่กองการกีฬา 8 คนเป็นผู้ทำเรื่องเบิกจ่ายด้วยการปลอมใบเสนอราคาของอู่ซ่อมรถทั้ง 5 คัน ขึ้นมาเป็นหลักฐานการยื่นเรื่องขออนุมัติงบประมาณ

หลังปรากฏหลักฐานการกระทำผิดแน่ชัด กรุงเทพมหานครฐานะหน่วยงานต้นสังกัดเร่งนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว นำมาสู่การรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลฯออกหมายจับเจ้าหน้าที่กองการกีฬาทั้ง 8 คน ก่อนประสานเข้ามอบตัววันนี้ที่อาคารกีฬาเวสน์ จำนวน 7 คน ส่วนอีก 1 คนคือ นายนพินทร์ ไชยทิพย์ อายุ 47 ปี เสียชีวิตจากการยิงตัวตายไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 7 คนยังคงให้การปฏิเสธ หลังจากนี้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ไปสอบปากคำอย่างละเอียดที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

มีรายงานข่าวด้วยว่า ก่อนหน้าการมอบตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี นำกำลังลงพื้นที่ ตรวจสอบอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งบนถนนราษฎร์พัฒนา เพื่อสอบปากคำพยานบุคคล เนื่องจากแนวทางสืบสวนพบว่า อู่รถดังกล่าวคืออู่ซ่อมรถที่กลุ่มผู้ต้องหานำชื่อไปแอบอ้างปลอมแปลงเอกสารใบเสนอราคานำไปใช้ทุจริตเงินดังกล่าว แนวทางสืบสวนพบอีกว่า เจ้าหน้าที่กองการกีฬาฯที่ตกเป็นผู้ต้องหากลุ่มนี้ ยังเป็นกลุ่มเดียวกับที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยคดีทุจริตโครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายราคาแพงเกินจริงก่อนหน้านี้

ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า การตรวจสอบเอกสารของ สตง.ทําให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ดังนั้นเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะพยายามเร่งรัดให้ตามคดีอาญาให้ทันตามคําแนะนําของ ป.ป.ท. กทม.เองไม่อยากให้มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น เราคิดว่าตัวอย่างที่ดําเนินคดีผ่าน บก.ปปป. น่าจะเป็นบทเรียนให้เจ้าหน้าที่ของเรา ให้ลด ละ เลิก ในสิ่งที่ตัวเองคุ้นชินกับการทํางานลักษณะนี้มาเป็นระยะเวลานาน ขอให้หยุดการกระทำตั้งแต่วันนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตา หรือการตรวจสอบของหน่วยตรวจสอบทั้ง 4 หน่วยนี้ได้ กทม.จะช่วยเป็นหูเป็นตาในระดับที่เรามีความสามารถเท่าที่จะทําได้ ยืนยันว่าจะพยายามตรวจสอบกันเองภายใน แจ้งให้หน่วยตรวจสอบเข้าดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่