จีนส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำ มารับตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนกลับประเทศรอบสองอีก 4 วัน รวม 1,439 คน ด้าน ปอท.เปิดปฏิบัติการทลายคอกม้า จับยกแก๊งเครือข่ายลักลอบพาบัญชีม้าข้ามแดนส่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา "โรม" เผยคอลเซ็นเตอร์ไม่กลัวตัดไฟตัดเน็ตหันมาใช้ “สตาร์ลิงก์” ถามรัฐบาลปราบแบบลูบหน้าปะจมูก เชื่อแก๊งคอลฯจะกลับมาอีก
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 มี.ค. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ กล่าวถึงผลการทำงานของรัฐบาลในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ว่าต้องยอมรับว่าการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตและงดส่งน้ำมันเป็นก้าวแรกที่ดี ส่งผลกระทบต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จริงแต่ยังไม่หมด ตอนนี้เรามีข้อบ่งชี้หลายอย่างว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะกลับมา เห็นได้จากตัวเลขที่ไปทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7,000 กว่าคน เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ถ้ายังค้างอยู่แบบนี้เผลอๆใน 7,000 คน อาจกลับไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหม่ เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์หันมาใช้สตาร์ลิงก์ (โครงข่ายดาวเทียม) รองรับ หากรัฐบาลไม่คุยกับเจ้าของบริษัทสุดท้ายเขากลับไปใช้สตาร์ลิงก์ได้และกลับมาอีก
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า เราต้องการมาตรการที่มากกว่านี้ วันนี้ไทยเทาที่จับได้เป็นแค่ระดับลูกกระจ๊อก คนที่เราต้องการจริงๆคือระดับเจ้าหน้าที่รัฐที่สมคบคิดรับส่วย แต่ยังไม่เห็นความคืบหน้า อัยการสูงสุดยังไม่ดำเนินการอะไรกับ พ.อ.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF ปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาต่อไป ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานของรัฐ ตนชื่นชมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ได้ดำเนินการไปแล้วแต่ข้อหายังแปลก ที่กลับเน้นไปเรื่องค้ามนุษย์ ทั้งที่ควรจะตั้งข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ค้ายาเสพติดก็สามารถทำได้ เพราะมีหลักฐานบ่งชี้ ต้องยอมรับว่าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปให้ถึงรากแก้ว เรายังไม่ประสบความสำเร็จ เป็นห่วงว่ารัฐบาลจะสูญเสียความมุ่งมั่นในเรื่องนี้ จะกลายเป็นการลูบหน้าปะจมูกเท่านั้น เมื่อถามย้ำว่าการคัดกรองบุคคลถือว่าไม่ประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แน่นอนเราไปทลายฝั่งกัมพูชาแล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง นำไปสู่การขยายผลจับกุม แต่ฝั่งเมียนมาเราไม่ได้คัดกรองส่งอย่างเดียว กลายเป็นว่าเราต้องไปพึ่งพาประเทศอื่นให้เขาจัดการสุดท้ายไม่รู้จะจบอย่างไร
...
อีกด้านที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่กองกำลังทหารกะเหรี่ยงพิทักษ์ชายแดน BGF กวาดล้างมาจากเมืองเมียวดี สหภาพเมียนมา อีก 456 คน ถูกส่งตัวกลับประเทศรอบ 2 ระหว่างวันที่ 6-9 มี.ค. โดยมีเครื่องบินของสายการบินไชน่า เซาท์เทิร์นแอร์ไลน์ มารับเมื่อเช้าวันที่ 6 มี.ค. เป็นวันแรก รวม 6 ไฟลท์ ไฟลท์ละ 76 คน ทหารฯ BGF นำป้ายมาแขวนคอแก๊งคอลฯทุกคน มี พ.ท.หน่าย หม่อง โซ รองผู้บังคับกองกำลัง BGF ศูนย์เมียวดี นำกำลังทหารควบคุมการส่งตัวกลับด้วยตัวเอง ที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ฝั่งเมียนมา แล้วรถบัสของไทยไปรับจากฝั่งเมียนมาข้ามมาที่ด่านพรมแดนแม่สอด 2 ดำเนินการตามขั้นตอนปฏิเสธการเข้าเมือง เก็บอัตลักษณ์บุคคล ถ่ายภาพลงระบบแบล็กลิสต์ของ ตม.เสร็จแล้วส่งขึ้นเครื่องกลับเมืองหนานจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ไฟลท์แรกเวลา 10.40 น. วันที่ 7-8 มี.ค. อีกวันละ 456 คน ส่วนวันที่ 9 มี.ค. มารับเที่ยวเดียวอีก 71 คน รวมเป็นยอดส่งกลับในรอบที่ 2 ทั้งหมด 1,439 คน
วันเดียวกัน พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. สั่งการ พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.หญิงสุธัญดา เอมเอก รอง ผกก. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก พ.ต.ท. หญิงภาพิมล ชัยขันธ์ สว.กก.3 บก.ปอท. จับกุมเครือข่ายลักลอบพาบัญชีม้าข้ามแดนส่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา มีนายสันติภาพ หรือเจม แซ่เอี้ยว อายุ 38 ปี คนขับรถพาไปเปิดบัญชี นายนพดล หรือต๋อง เถื่อนด้วง อายุ 31 ปี นายรุ่งเรือง หรือเดี่ยว พึ่งวงศ์ญาติ อายุ 46 ปี นายชำนาญ หรือวุฒิ ประสพผล อายุ 39 ปี มีหน้าที่พาบัญชีม้าส่งข้ามช่องทางธรรมชาติ โดยจับได้บริเวณใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา หมู่ที่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบขบวนการจัดหาบัญชีม้าโพสต์เชิญชวนประชาชนตามสื่อสังคมออนไลน์ ให้ไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้กระทำผิดกฎหมาย ให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 3,000-5,000 บาท มีเงื่อนไขให้เดินทางไปที่ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว สแกนใบหน้าก่อนใช้งานบัญชี เจ้าหน้าที่จึงแฝงตัวสมัครไปพบพฤติกรรมแก๊งชักชวนให้เปิดบัญชีค่าตอบแทน 5 บัญชี 20,000 บาท มีนายสันติภาพพาไปเปิดบัญชีในพื้นที่ จ.ชลบุรีแล้วขับรถพาบัญชีม้าไปส่งให้นายนพดล คนสั่งการที่ห้องแถวที่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี แล้วนายนพดลขับรถพาบัญชีม้าไปส่งต่อให้นายรุ่งเรืองกับนายชำนาญ พาข้ามแดนช่องทางธรรมชาติไปยังหมู่ที่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ห่างชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 2.5 กม.
นายนพดลรับว่าเป็นผู้สั่งการและเป็นคนติดต่อนายหน้าบัญชีม้าคนไทยฝั่งประเทศกัมพูชาผ่านไลน์ ส่วนนายสันติภาพรับว่าเป็นคนไปรับบัญชีม้าจากกรุงเทพฯพาไปเปิดบัญชีที่ จ.ชลบุรี แล้วมาส่งให้นายนพดลที่ อ.โป่งน้ำร้อน รับค่าจ้าง 5,000 บาท นายรุ่งเรืองและนายชำนาญ รับว่าเป็นคนพาบัญชีม้าข้ามแดนในเวลากลางคืนต้องเดินเท้า 3 กม. หลบเจ้าหน้าที่ไปส่งบริเวณริมคลองฝั่งไทยและให้บัญชีม้าเดินข้ามคลองไปจะมีคนกัมพูชารอรับอยู่ ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาท ตำรวจจึงนำตัว ผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่ง กก.3 บก.ปอท. ดำเนินคดีต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่