เมื่อเช้าตรู่วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย สำนักข่าวใหญ่ทั่วโลกทุกสำนักต่างก็นำเสนอข่าวว่า ไทเกอร์ วู้ดส์ (อายุ 49 ปี) สุดยอดนักกอล์ฟผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคได้สูญเสียมารดาของเขา “คุณกุลธิดา วู้ดส์” ไปแล้ว จากการโพสต์แสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งในโซเชียลมีเดีย โดยไทเกอร์ วู้ดส์ เอง

นอกจากจะนำเสนอข่าวการเสียชีวิตของเธอและแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งแล้ว สื่อใหญ่ทุกสำนักต่างก็นำเสนอเรื่องราวของคุณกุลธิดาอย่างละเอียด

แม้แต่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ผู้กำลังสร้างความปั่นป่วนให้แก่โลกและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนักกอล์ฟและเป็นแฟนไทเกอร์ วู้ดส์ ตัวยงอยู่ด้วย ก็ออกมาโพสต์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของคุณกุลธิดา

ทรัมป์เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า กุลธิดา วู้ดส์ เป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงสำหรับไทเกอร์ และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งและความเป็นอัจฉริยะในการเล่นกอล์ฟของไทเกอร์ 

สื่อต่างประเทศเกือบทุกสำนักช่วยกันเผยแพร่ประวัติของคุณกุลธิดา สรุปได้ว่า เธอเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีเมื่อ ค.ศ.1944 นามสกุลเดิม PUNSAWAD (พันธ์สวัสดิ์) ต่อมาอพยพมาอยู่และทำงานในกรุงเทพฯในฐานะพนักงานท้องถิ่นของหน่วยทหารสหรัฐฯแห่งหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงของสงครามเวียดนาม มีหน่วยทหารหลายหน่วยของสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศไทย

ต่อมาเธอก็พบกับคุณ เอิร์ล วู้ดส์ นายทหารของหน่วยรบพิเศษ สหรัฐฯ ที่แวะมาที่ร้านขายสินค้าสำหรับทหาร (PX) ที่คุณกุลธิดาทำงานอยู่และในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน พร้อมกับติดตามคุณเอิร์ล วู้ดส์ (ยศล่าสุดคือพันโท) ไปอยู่ที่สหรัฐฯ 

เมื่อทั้งสองมีบุตรชายคนเดียวที่ชื่อ ไทเกอร์ วู้ดส์ แล้ว ก็ช่วยกัน “สร้าง” เจ้าเด็กน้อยตัวเล็กๆคนนี้จนเติบโตขึ้นมาเป็นนักกอล์ฟผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคได้อย่างมหัศจรรย์

...

ในทิศทางข่าวที่ติดตามกันมามักจะเน้นว่า “ผู้พันเอิร์ล” คือผู้ที่สั่งสอนและเคี่ยวเข็ญที่จะให้ไทเกอร์ วู้ดส์ เป็นนักกอล์ฟอาชีพมาตั้งแต่ไทเกอร์ยังเด็ก ซึ่งในความจริงก็เป็นเช่นนั้น

แต่สำหรับไทเกอร์เองแล้วเขาจะกล่าวอยู่เสมอว่า “แม่” คือคนที่อยู่เบื้องหลังและผลักดันเขาอย่างจริงจังหนักกว่าพ่อเสียอีก

จะฝึกกอล์ฟก็ต้องฝึก แต่การเรียนก็ไม่ให้ละทิ้ง (แบบแม่ไทยๆ) เธอเคี่ยวเข็ญจนไทเกอร์เรียนได้คะแนนดี และมีส่วนทำให้เขาได้ไปเข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งแม้จะมาในโครงการนักกอล์ฟ แต่ก็ต้องได้คะแนนในระดับดีด้วย

ไทเกอร์เล่าว่า แม่นี่แหละที่เป็นคนขับรถตระเวนไปตามที่ต่างๆ ที่เขาจะต้องลงแข่งขันสมัยยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น และจะเดินตามเขาทุกหลุม เชียร์ทุกหลุมอย่างเอาจริงเอาจัง

แม่เลี้ยงดูเขาแบบไทยๆเลย คือเข้มงวดจัด แต่ก็สอนให้เขาสวดมนต์และสอนหลักศาสนาพุทธให้แก่เขา รวมทั้งให้ไปเรียนวันอาทิตย์ที่วัดไทยในแอลเอด้วย

ไทเกอร์จึงนับถือศาสนาพุทธเช่นเดียวกับแม่ และยอมรับว่าการทำ “สมาธิ” ตามหลักศาสนาพุทธ ทำให้เขาสงบนิ่ง และเยือกเย็น เป็นประโยชน์แก่การแข่งขันกอล์ฟอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ แม่ยังเป็นคนบอกให้เขาใส่ “เสื้อแดง” ในวันสุดท้ายของการแข่งขันกอล์ฟ ซึ่งมักจะตรงกับ “วันอาทิตย์” โดยบอกว่าสีแดงเป็นสีแห่งพลัง...แรกๆเขาก็ไม่เชื่อแม่ เคยใส่สีอื่นบ้างแต่แพ้และพอใส่สีแดงก็ชนะมากกว่า จึงเลือกใส่สีแดงในวันสุดท้ายมาตลอด

ล่าสุด เมื่อ พ.ศ.2562 คุณกุลธิดาชักชวนไทเกอร์ วู้ดส์ และลูกๆ 2 คนของเขามาเมืองไทย และพากันไปกราบ พระแก้วมรกต ในวัดพระแก้ว ไทเกอร์เป็นคนตั้งนะโมเป็นภาษาบาลี โดยให้ลูกๆว่าตาม

ที่สำคัญพวกเขาสวมเสื้อ “สีเหลือง” กันหมดทั้งครอบครัว

ขอบคุณนะครับคุณกุลธิดา (พันธ์สวัสดิ์) วู้ดส์ สำหรับผลงานการสร้างนักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคนี้ จนทำให้แฟนกีฬาทั่วโลกไม่เฉพาะแต่แฟนกอล์ฟเท่านั้นรู้จักเธอรู้จักประเทศไทย...และกล่าวขวัญยกย่องเธออย่างยิ่งใหญ่ในวันที่เธอจากไปด้วยสิริอายุ 81 ปี (1944–2025) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา.

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม