แม้จะเป็นปัญหาส่วนหนึ่งแต่ก็มีชีวิตผู้คนเป็นเดิมพัน ทำให้รัฐบาลจีนตระหนักในเรื่องนี้จึงดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังและรวดเร็ว
ที่สำคัญแม้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรของเขาก็ตาม
การที่คนจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงต้องเดินทางผ่านประเทศไทยเพื่อข้ามไปยังเมียนมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
จึงส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมมือในการแก้ไขและยังเดินทางไปยังแม่สอดชายแดนไทย-เมียนมาอีกด้วย
เพื่อดูให้เห็นสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
การแก้ไขปัญหาอย่างถึงลูกถึงคนแบบนี้มันจึงเป็นวิธีการที่มีโอกาสประสบผลสำเร็จ
แน่นอนว่า เรื่องนี้ไทยได้ประโยชน์อย่างชัดเจนหลังจากคลำทางมานานพอสมควร กว่าจะมาตื่นตัวเอาจริงเอาจังก็ทำให้เกิดคดีมากมายกว่า 7 แสนคดี
ต้องสูญเงินไปกว่า 2.2 ล้านล้านบาท
นี่เป็นเรื่องใหญ่และน่าสะพรึงกลัวนัก!
ล่าสุดรัฐบาลไทยได้ออก พ.ร.ก.ไซเบอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุมในเรื่องช่องทางการเงินและมือถือโดยให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทมือถือเข้ามารับผิดชอบด้วย
นอกจากนั้น ยังสั่งกวดขันเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะตำรวจที่ดูแลพื้นที่ชายแดนให้กวดขันเอาจริงเอาจังกับผู้ที่เดินทางเข้าออกชายแดน
ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญ
อีกทั้งสั่งให้ กสทช.ที่รับผิดชอบเรื่องมือถือตัดช่องสัญญาณ ซึ่งมีเสาติดตั้งบริเวณเขตชายแดนเพื่อไม่ให้ติดต่อกันได้
เพราะถ้าไม่มีสัญญาณก็ไม่สามารถโทร.มาหลอกลวงได้
ที่เถียงกันอยู่นานสองนานก็คือ เรื่องไฟฟ้า เนื่องจากในเขตพื้นที่ติดต่อกับไทยนั้นใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยด้วยการสั่งซื้อจากประเทศไทยผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ หากไม่มีไฟฟ้าใช้ก็ไม่สามารถดำเนินการได้
...
เรื่องนี้แรกๆกระทรวงมหาดไทยอ้างว่าทำไม่ได้ เพราะไฟฟ้าจากไทยนั้นเป็นการซื้อ-ขายระหว่างรัฐต่อรัฐ หากจะตัดไฟก็ต้องคุยกันก่อนว่ามีเหตุผลอย่างไร
เดี๋ยวจะเกิดปัญหา!
แต่ข้อมูลระบุว่า มีบริษัทเอกชนทำสัญญาซื้อ-ขายกับ กฟภ.จึงตัดไฟได้ไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากเกิดปัญหากับประเทศไทย
อีกทางก็คือไทยไม่ต่อสัญญาใหม่ได้
แต่ กฟภ.อ้างว่า การตัดไฟนั้นจะต้องให้ฝ่ายความมั่นคงสั่งการจึงทำได้ก็เถียงกันไปเถียงกันมา อ้างว่าเป็นเรื่องความมั่นคง
แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันเกี่ยวกับความมั่นคงหรือไม่?
ล่าสุดฝ่ายความมั่นคงได้ตอบอนุญาตให้ กฟภ.สามารถดำเนินการได้
นี่คือภาพสะท้อนการทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่ช้าและไม่มีศูนย์กลางในการทำงาน คือต่างฝ่ายต่างทำ ไม่ประสานเป็นเนื้อเดียวกัน
จนประเทศอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีแอ็กชันมากกว่าเข้ามาดำเนินการจึงทำให้การแก้ไขปัญหาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น
นี่เพียงแค่ด้านเดียว ยังมีอีกด้าน คือกัมพูชาและลาว ล่าสุดรัฐบาลอินเดียก็ต้องการแก้ไขปัญหานี้ เพราะคนอินเดียก็ถูกหลอกเหมือนกัน แต่ผ่านไปทางลาว บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
หนทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ด้านหนึ่งก็คือ เราต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย กวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อยพร้อมด้วยมาตรการต่างๆ
อีกด้านก็ต้องอาศัยจีนที่มีศักยภาพในการเจรจากับรัฐบาลเมียนมาและประสานกับชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
คือปิดพื้นที่ไม่ให้พวกนี้ก่ออาชญากรรมได้!
“สายล่อฟ้า”