“ชีวิตคนสำคัญประดุจฟ้า” จะทำ อะไรๆ ต้องเอา คนเป็นตัวตั้ง ถ้าเอาอย่างอื่นเป็นตัวตั้งจะพลาดหมด เช่นการพัฒนาเศรษฐกิจที่เอาประสิทธิภาพและความมั่งคั่งเป็นตัวตั้ง การศึกษาก็เอาวิชาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง การพัฒนาจึงไม่มีทางลงตัว

...แต่เกิดปัญหาต่างๆทั่วไปจนวิกฤติอารยธรรมทั้งโลก ในการร่วมกันพัฒนาสังคมสูงวัยจะเป็นการเอาคนเป็นตัวตั้งโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปเรียกร้องใครอีก

“สังคมสูงวัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนตื่นตัวหรือตกอกตกใจ เพราะทุกคนมีพ่อแม่ที่แก่เฒ่าและตนเองก็จะกลายเป็นผู้สูงวัยในไม่ช้า เพราะฉะนั้นเรื่องสังคมสูงวัยจะทำให้คนทุกคนในสังคมทั้งประเทศหันมาให้ความสนใจและเกิดความมุ่งมั่นร่วมกัน ที่จะทำอะไรที่ดีที่สุดสำหรับสังคมสูงวัย”

แนวรบ!สังคมสูงวัย ยึดทุกคนเป็นตัวตั้ง

ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประเวศ วะสี บอกอีกว่า คนไทยไม่เคยมีความมุ่งมั่นร่วมกันต่างคนต่างไปคนละทาง จึงไม่มีพลังที่จะสร้างสังคมน่าอยู่ แต่คราวนี้เรื่องสังคมสูงวัยจะทำให้คนไทยทั้งหมดมีความมุ่งมั่นร่วมกันและสามารถสร้างสังคมที่น่าอยู่ที่สุด ซึ่งจะมีคุณภาพสูงกว่าสังคมเก่าทุกยุคทุกสมัย

...

การพัฒนา “สังคมสูงวัย” ให้เกิดสุขภาวะที่สมบูรณ์มี 8 ประการ เริ่มจาก... “รัฐ” มีนโยบาย “สังคมไม่ทอดทิ้งกัน”...ให้นิสิตนักศึกษาและนักเรียนชั้นมัธยมปลายทั้งหมด ซึ่งรวมกันมีกว่า 10 ล้านคน เป็นอาสาสมัครไปดูแลผู้สูงวัย ถัดมา...ผู้สูงวัยจะมีสุขภาวะดีที่สุด ถ้าอยู่ในครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง

สาม...มีหน่วยพยาบาลชุมชน 1 หน่วย ต่อประชากร 1,000 คน สี่...มีศูนย์การแพทย์แผนไทยที่ให้บริการการนวดไทย การประคบด้วยสมุนไพร และการขายยาสมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์จริง ห้า...มีศูนย์ชีวันตาภิบาลจำนวนมากอย่างทั่วถึง หก...มีศูนย์การแพทย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องผู้สูงอายุจำนวนมากพอเพียง

เจ็ด...มีการฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุจำนวนมากและคุณภาพดี และแปด...จัดประชุมสมัชชาสังคมสูงวัยแห่งชาติปีละ 1 ครั้ง

ขยายความ “นโยบายสังคมไม่ทอดทิ้งกัน” ในสังคมตัวใครตัวมันแบบปัจจุบันและการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำสุดๆ จะมีผู้สูงวัยถูกทอดทิ้งอยู่ตามบ้านต่างๆ จำนวนมากเพราะลูกหลานไม่สามารถอยู่ดูแลได้ จำเป็นต้องไปทำมาหากินไกลบ้าน

“นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งหมดมีประมาณ 2 ล้านคน และนักเรียนมัธยมปลายมีอีกหลายล้านคน ควรเป็นอาสาสมัครไปดูแลผู้สูงอายุถึงบ้าน จะทำให้สามารถดูแลได้ทุกคนทันที นิสิตนักศึกษาและนักเรียนจะได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ดีกว่าไปนั่งท่องวิชาต่างๆมากมายและจำอะไรไม่ค่อยได้”

แนวรบ!สังคมสูงวัย ยึดทุกคนเป็นตัวตั้ง

อาจารย์หมอประเวศย้ำว่า สิ่งนี้เป็นวิธีการปฏิบัติประการแรกที่ควรทำทันที ทำได้ไม่ยากและเป็นสิ่งสำคัญของงานจิตอาสา ผู้สูงวัยที่เคยถูกทอดทิ้งอยู่ตามบ้านในซอกในมุมต่างๆทั่วประเทศ จะรู้สึกดีขึ้นทันทีที่มีอาสาสมัครมาเยี่ยมเยียนดูแลถึงบ้านทุกวัน

“ผู้สูงวัยจะมีความสุขที่สุด ถ้าอยู่ในครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง”

ข้อนี้ก็สำคัญ “ครอบครัวอบอุ่น” หมายถึง พ่อแม่ลูก ปู่ย่า ตายาย อยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่น ทั้งนี้ ประชาชนต้องมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ สัมมาชีพหมายถึงอาชีพที่ไม่เบียดเบียนตนเองไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อมและมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้

“การไม่เบียดเบียนตนเองอย่างหนึ่งคือไม่ทำให้ตัวเองเจ็บป่วย ไม่ทอดทิ้งบิดามารดา หมายความว่าการงานที่ทำควรอยู่ใกล้บ้านหรือกลับบ้านได้ทุกวัน ไม่ใช่ทิ้งไปรับจ้างทำงานไกลๆ หรือในต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง ทำให้ครอบครัวแตกแยกไปคนละทางสองทาง”

สังคมเช่นนี้อยู่ในชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนเข้มแข็งหมายถึงมนุษย์ไม่ควรอยู่แบบตัวใครตัวมันและต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ร้อยแปดด้วยตนเอง แต่ควรอยู่เป็นชุมชนเล็กๆ หรือเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดประมาณ 500-1,000 คน ที่ทุกคนรู้จักกัน ใกล้ชิด ดูแลซึ่งกันและกัน และมีการพัฒนาอย่างบูรณาการ 8 มิติ

แนวรบ!สังคมสูงวัย ยึดทุกคนเป็นตัวตั้ง

...

นั่นก็คือ...เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สุขภาพ การศึกษา ประชาธิปไตย

เน้นย้ำว่า... “สังคมเข้มแข็ง” สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อผู้สูงวัยได้ เช่น จัดให้มีโรงเรียนผู้สูงอายุในชุมชน ผู้สูงอายุที่เคยอยู่บ้าน ไม่ได้พบปะผู้คน จะมีโอกาสมาเล่าเรียนร่วมกันและเรียนรู้จากกันและกัน เป็นสมาคมที่ให้ความสุขและจะนำมาซึ่งเรื่องดีๆอื่นๆ ...มีการออกกำลังร่วมกันในชุมชน

ผู้สูงวัยควรมีอาชีพ มีรายได้ ควรมีบริเวณที่ทำงานอาชีพร่วมกัน...มี ระบบการเงินของผู้สูงวัย ควรมีสถาบันการเงินของชุมชนระดับตำบล มีเงินออมและหมุนเวียนเพื่อเป็นบำนาญชีวิต นับรวมไปถึง...การปฏิบัติธรรม ถ้าผู้สูงอายุได้ไหว้พระสวดมนต์จะมีความสุข ถ้าสามารถเจริญสติได้ยิ่งดี

แนวรบ!สังคมสูงวัย ยึดทุกคนเป็นตัวตั้ง

ที่ขาดไม่ได้คือ...การมีศูนย์พยาบาลชุมชน ดูแลรักษาโรคที่พบบ่อย บริการใกล้บ้านใกล้ใจที่คนไทยทุกคนได้รับการบริบาลอย่างใกล้ชิดประดุจญาติ...ควรมีศูนย์การแพทย์แผนไทยอย่างน้อย 1 แห่งต่อ 1 ตำบล

มี...ศูนย์ชีวันตาภิบาล ดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิต ทำให้การตายมีคุณภาพสูงสุด หรือที่เรียกว่า...ตายดี และศูนย์การแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้สูงวัยหรือเวชศาสตร์สูงวัย ดูแลผู้ป่วยสูงวัยด้วยความรู้ความชำนาญสูงสุด...มีการฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุงานที่จำเป็น...มีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ และมีสมัชชาสังคมสูงวัย

...

แนวรบ!สังคมสูงวัย ยึดทุกคนเป็นตัวตั้ง

ทั้งหมดเหล่านี้เป็นภาพใหญ่ การพัฒนา “สังคมสูงวัย” จึงมิใช่เพื่อสุขภาวะของผู้สูงวัยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องสุขภาวะของคนทั้งมวลร่วมกัน “มนุษย์”...จะเกิดความเจริญทางจิตใจหรือจิตวิญญาณครั้งใหญ่ เมื่อพยายามพัฒนาสังคมสูงวัยตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งอาจเพิ่มเติมรายละเอียดและเรื่องอื่นๆได้มากขึ้นเรื่อยๆไป

ทำให้มนุษย์ย้ายความคุ้นเคยจากการใช้สมองส่วนหลังมาใช้สมองส่วนหน้าเกี่ยวกับสติปัญญา วิจารณญาณ ศีลธรรม และการบรรลุธรรม หรือ...การยกระดับจิตใจที่จะเกิดขึ้นได้พร้อมกันทั่วโลก.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม