ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการปรับแก้ไขระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษาการเปิดและปิดภาคเรียน พ.ศ.2549 ซึ่งจะเลื่อนวันเปิดภาคเรียนที่ 1 จากวันที่ 16 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันที่ 1 พ.ค. และเลื่อนวันปิดภาคเรียน ที่ 2 จากวันที่ 11 ต.ค. เป็นวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งจะมีการจัดประชุมร่วมกับ กทม. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) องค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เป็นต้น เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากโรงเรียนสังกัดอื่นๆทั่วประเทศว่า จะติดปัญหาหรืออุปสรรคใดหรือไม่หากจะมีการเลื่อนเปิดและปิดภาคเรียนใหม่ เพราะการเลื่อนเปิดและปิดภาคเรียนใหม่นี้ จะส่งผลดีในการจัดทำแผนบริหารงานงบประมาณ งานบุคคลของโรงเรียน รวมถึงจะทำให้นักเรียนและครูมีระยะเวลาพักเพิ่มขึ้นด้วย โดยจะต้องได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ดังนั้น หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันก็จะกำหนดประกาศการเลื่อนเปิดและปิดเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 นี้ทันที โดยกำหนดเปิด 16 พ.ค. เป็น 1 พ.ค.68 นี้ทันที

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ไปจัดทำโครงการครูเลื่อนชั้นตามนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยจะเริ่มในช่วงชั้นที่ 1 หรือ ป.1-3 ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าขณะนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการครูเลื่อนชั้นตามนักเรียน 2,000 กว่าแห่ง ส่วนเรื่องการจัด สอบโอเน็ตนั้น ได้มอบอำนาจให้สำนักทดสอบทางการศึกษาของ สพฐ.ไปจัดทำมาตรการจูงใจให้นักเรียนเข้ามาสอบโอเน็ตมากขึ้น ส่วนการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ หรือเอ็นที จะต้องดำเนินการจัดทำ ข้อสอบเชื่อมโยงกับการประเมินผลนักเรียนระดับนานาชาติ หรือพิซาด้วย เพื่อทำให้การสอบ พิซาในรอบต่อไป คะแนนของนักเรียนไทยจะขยับสูงขึ้น สำหรับกรณีฝุ่น PM 2.5 นั้น ได้กำชับ โรงเรียนในสังกัดพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นอันตรายและมีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพนักเรียนก็ให้สั่งปิดโรงเรียนได้ทันที โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง ส่วนจัดกิจกรรมกลางแจ้งของโรงเรียนให้งดเว้นไปก่อนจนกว่าสภาพอากาศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ.

...