ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคสมัยปัจจุบันคือช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน ทุกวันนี้เราต่างต้องเผชิญหน้ากับภัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่ส่งผลต่อสุขภาพ และที่ส่งผลต่อทรัพย์สิน ด้วยเหตุนี้เองประกันภัยจึงได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของชีวิตผู้คนยุคใหม่ในฐานะทางเลือกที่จะช่วยทำให้สบายใจในปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังช่วยให้แผนการชีวิตที่วางเอาไว้ในอนาคตไม่ติดขัดหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
จากการที่ผู้คนต่างใส่ใจมองหาประกันภัยมาช่วยสร้างความมั่นคงให้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมประกันภัยจึงนับเป็นหนึ่งในแวดวงที่มีการเติบโตอย่างมาก และมีการแข่งขันอย่างสูงผลักดันให้ในปี พ.ศ. 2568 นี้ ธุรกิจประกันวินาศภัยมีมูลค่าการตลาดพุ่งทะยานถึง 300,000 ล้านบาท และมูลค่ากว่าครึ่งหรือประมาณ 160,000 ล้านบาทเป็นธุรกิจในหมวดประกันภัยรถยนต์ สะท้อนชัดถึงแนวคิดของผู้คนยุคใหม่ที่ล้วนมองว่าการมีประกันภัยไว้คุ้มครองทรัพย์สินมีค่าคือเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ

ทั้งนี้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า หนึ่งในแบรนด์ประกันภัยที่มีการเคลื่อนไหวอย่างน่าจับตาก็คือทางด้านของ “ธนชาตประกันภัย” 1 ใน 5 ผู้นำตลาดที่สามารถรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ได้เดินหน้าเปิดเกมรุกอีกครั้ง นำทัพโดยซีอีโอหญิงคนแรกขององค์กร “วิชินี โอรพันธ์” ที่ประกาศชิงส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจประกันวินาศภัย โดยมีหัวใจสำคัญคือการ “ยกระดับคุณค่าของประกันภัย” (Value of Insurance) หวังเป็นมากกว่าแค่ความคุ้มครองแต่ต้องเป็นผู้ช่วยที่พร้อมจะคลายกังวลให้ลูกค้าอย่างครบวงจรอย่างแท้จริง และเพื่อจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จึงเกิดเป็น 3 กลยุทธ์สำคัญที่ วิชินี โอรพันธ์ มองว่าเป็นแนวทางดำเนินธุรกิจหลักของธนชาตประกันภัยในปีนี้
“ธุรกิจประกันภัยมีความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงรอบด้านให้แก่ผู้เอาประกัน ดังนั้นการจะทำให้ธุรกิจของเรายั่งยืน ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้ใจ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงการสร้างคุณค่าของประกันภัย พร้อมส่งมอบบริการที่ดีที่สุดและครบวงจร ตอบโจทย์ทุกความกังวล”
วิชินี โอรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มาของแผนงานดำเนินธุรกิจ พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า 3 ส่วนหลักที่บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาเป็นพิเศษ คือ ลูกค้า เทคโนโลยี และบุคลากรในองค์กร ซึ่งบริษัทได้ตกผลึกออกมาเป็นกลยุทธ์ 3 ข้อหลัก ได้แก่
1. ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)
แน่นอนว่าธุรกิจประกันภัยนั้นถือกำเนิดมาเพื่อคลายความกังวลให้ลูกค้า การยกระดับบริการโดยยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลางจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ในมุมมองของวิชินี โอรพันธ์ ซึ่งในกลยุทธ์นี้ธนชาตประกันภัยได้มีการนำเอาความเชี่ยวชาญกว่า 27 ปี มาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งกว่าที่เคย (Empathize) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่บริษัทจะมุ่งเน้นเป็นพิเศษคือการออกแบบความคุ้มครองให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายอย่างจริงจัง ทำให้การคุ้มครองตอบโจทย์การใช้งานที่สุด ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการต่ออายุระยะยาวมากกว่าปีต่อปี (Lifetime Insurance) นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่เพียงบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงลูกค้าที่จะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ตรงใจ และต่อเนื่อง

2. การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ
ปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำยุคได้ถูกผนวกเข้ากับธุรกิจหลากหลายประเภท เพื่อช่วยยกระดับให้บริการต่างๆ สะดวกสบายและเหนือชั้นยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับธนชาตประกันภัยที่ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้งานทั้งในแง่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ มุ่งหวังเพิ่มศักยภาพการแข่งขันไปพร้อมกับการส่งมอบประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมและมีคุณค่า อาทิ การพัฒนาระบบเคลมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น การออกแบบระบบการจัดการความเสี่ยงที่ถูกต้อง แม่นยำ และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้บริการเข้าถึงลูกค้าในช่องทางใหม่ๆ ได้มากขึ้น และยังตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง

3. การพัฒนาบุคลากรที่รู้เท่าทัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเบื้องหลังทุกการเติบโตขององค์กรล้วนมีบุคลากรคนสำคัญเป็นฟันเฟืองที่คอยผลักดันอย่างแข็งขัน ธนชาตประกันภัยซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาและเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าบุคลากรคือหัวใจหลักของบริษัท จึงมองว่าการยกระดับทีมงานคือหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญยิ่ง และได้มีการอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจประกันภัยอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งเสริมสร้างความเป็นมืออาชีพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างทีมงานคุณภาพที่จะเป็นตัวแทนส่งมอบความสบายใจแก่ลูกค้า ซึ่งการพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และไม่หยุดนิ่งที่จะหาความรู้และศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาบริการ คือวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งของธนชาตประกันภัย และเมื่อหลังบ้านเปี่ยมคุณภาพ ก็มั่นใจได้ว่าจะสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกต้อง เสมือนดูแลคนใกล้ชิด

มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมประกันภัยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง ผู้คนต่างเล็งเห็นความสำคัญของการวางแผนรับมือความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งการเปิดเกมรุกช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดของธนชาตประกันภัยในครั้งนี้นับได้ว่าเป็นเกมเร็วที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ไม่เพียงจะเป็นการตั้งเป้าก้าวไปสู่จุดใหม่ที่ดีกว่าหลังจากยืนหยัดในวงการอย่างมั่นคงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเป็นการวางกลยุทธ์พัฒนาที่เห็นได้ชัดว่าต้องการสร้างความเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะตัวองค์กรหรือลูกค้าที่จะได้รับบริการที่ดีกว่า ตรงใจยิ่งกว่า สมกับความตั้งใจของธนชาตประกันภัยที่ต้องการ “สร้างคุณค่าของประกันภัย (Value of Insurance)” ให้มากกว่าที่เคย

ด้าน วิชินี โอรพันธ์ ซีอีโอหญิงแกร่งกล่าวทิ้งท้ายพร้อมให้คำมั่นสัญญาแก่ลูกค้าว่า “ในฐานะซีอีโอใหม่ของธนชาตประกันภัย ดิฉันพร้อมนำความรู้ความสามารถในสายงานเดิมด้านงานขาย และ Distribution ที่บริหารงานจนประสบความสำเร็จ นำมาใช้ในการสร้างทีมงานในธุรกิจประกันภัยให้มีคุณภาพ เป็นมืออาชีพ โดยเน้นฟังทุกเสียงความต้องการของลูกค้าในทุกจุดและตอบโจทย์ ซึ่งเป็นการพัฒนาองค์กรจากฐานรากนำไปสู่การเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างยั่งยืน โดยจะโฟกัส 3 เรื่องนี้อย่างจริงจังให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ และพร้อมส่งมอบคุณค่าประกันภัยแก่ลูกค้าทุกคน”