วันเสาร์สบายๆ “วันเด็กแห่งชาติ” วันนี้ไปดู “คำขวัญวันเด็ก” ของ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร กันนะครับ ปี 2568 นี้ นายกฯแพทองธาร ให้คำขวัญวันเด็กว่า “ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” แต่เด็กไทยที่ยากจนหลายสิบล้านคน ได้เรียนหนังสือกระท่อนกระแท่น จะมีโอกาสได้เลือกอนาคตเหมือน นายกฯแพทองธาร  หรือไม่ อายุ 38 ปี ก็มีโอกาสเลือกเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  เป็น นายกรัฐมนตรีประเทศไทย  แถมยังมีทรัพย์สินความมั่งคั่งติดตัวอีกกว่า 13,000 ล้านบาท ไม่นับมรดกอีกหลายหมื่นล้านบาทที่จะได้รับอีกในอนาคต นายกฯแพทองธารจึงเป็นคนที่มีโอกาสดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง และเป็นคนที่มีโอกาสที่สุดเพียงคนเดียวในประเทศไทย 66 ล้านคน

จากข้อมูล Thai Zero Dropout ของรัฐบาลพบว่า วันนี้มี เด็กและเยาวชนไทยช่วงอายุ 3–18 ปี กว่า 1.02 ล้านคน หลุดออกไปจากระบบการศึกษา  แปลความง่ายๆก็คือ ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้เข้าโรงเรียน ทั้งที่ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็ได้บัญญัติว่า “รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย” แต่เด็กยากจนเหล่านี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้เรียน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งทำหน้าที่สอบประเมินสมรรถนะนักเรียนไทยตามมาตรฐานสากลหรือ PISA ให้กับ OECD ปี 2022 กับนักเรียน 279 โรงเรียน 8,495 คน พบว่าคะแนนด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ลดลง เมื่อเทียบกับปี 2018 คณิตศาสตร์เด็กไทยได้ 394 คะแนน อยู่อันดับ 58 จาก 81 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจ มี สิงคโปร์  เป็นอันดับหนึ่ง 575 คะแนน วิทยาศาสตร์เด็กไทยได้ 409 คะแนน อยู่อันดับ 58 โดยมี สิงคโปร์ เป็นอันดับหนึ่ง 561 คะแนน

...

ผลการสอบ PISA ยังพบว่า โรงเรียนที่เน้นการสอนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มประเทศที่มีคะแนนสูงสุด 5 อันดับแรก และ กลุ่มโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัย มีระดับคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD ส่วนโรงเรียนอื่นๆคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าประเทศสมาชิก OECD

ข้อมูล PISA บอกชัดเจนว่า เด็กไทยเก่งด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไม่แพ้ใครในโลก ถ้าได้เรียนในโรงเรียนที่เน้นการสอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์  โดยเฉพาะโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ แต่จะมีเด็กไทยสักกี่คนที่มีโอกาส  ส่วนใหญ่ก็เรียนในโรงเรียนรัฐและเอกชนทั่วไป นี่คือ ความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย ซึ่งรัฐบาลโดย นายกรัฐมนตรี  และ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ต้องรับผิดชอบ การศึกษาไทยวันนี้มีความเหลื่อมล้ำสูงไม่แพ้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ทำให้คุณภาพเด็กไทยลดลง

ไปดูการศึกษาประเทศเพื่อนบ้าน เวียดนาม ที่เคยล้าหลังไทยไม่เห็นฝุ่น วันนี้กำลังแซงหน้าไทยไปเรื่อยๆ เจนเซน หวง ซีอีโอบริษัทชิป NVIDIA ที่เคยมายาหอมไทยแต่ไปลงทุนเวียดนาม ได้ให้เหตุผลที่ไปลงทุนเวียดนามว่า เวียดนามมีนักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ วิศวกรซอฟต์แวร์ ให้เลือกมากมาย ในขณะที่ไทยไม่มี ยิ่งเป็น สิงคโปร์ ทิ้งไทยไปไม่เห็นฝุ่นแล้ว ระบบการศึกษาสิงคโปร์วันนี้ เปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกเรียนตามความถนัดและความสามารถ ไม่ต้องไปเรียนวิชาที่น่าเบื่อและสอบตกทุกปี สิงคโปร์ยกเลิกการสอบทุกชนิดในระดับ ป.1–ม.1 เพื่อให้เด็กมีเวลาว่างไปเรียนวิชาที่สนใจ ลดการให้เกรด เพื่อให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์และกล้าเสี่ยง เพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้กับประเทศชาติ

ได้เห็น ระบบการศึกษาสิงคโปร์และเวียดนามแล้ว ก็ได้แต่เป็นห่วง อนาคตเด็กไทย ถ้าการศึกษายังเป็นอย่างนี้ อนาคตเด็กไทยและอนาคตประเทศชาติก็เหมือนลอยคออยู่กลางทะเลที่มองไม่เห็นฝั่ง โอกาสรอดยังไม่เห็น แล้วโอกาสเลือกจะมีหรือ?

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม