“เจ๊อ้อย” กลับไทย เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมดำเนินคดี “ทนายตั้ม” กับพวกข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน ที่เกิดนอกราชอาณาจักร ที่อยู่ในความรับผิดชอบอัยการสูงสุด “วัชรินทร์ ภาณุรัตน์” หัวหน้าคณะทำงานเผย เป็นการสอบเพิ่มเติมบางประเด็นเพื่อให้คดีรัดกุมมากที่สุดก่อนส่งอัยการสูงสุดพิจารณา นอกจากเจ๊อ้อยและเลขาฯแล้วยังเรียกพยานอีก 15 ปากเข้าให้ปากคำด้วย เสร็จทันฝากขังผัดสุดท้ายแน่นอน
กรณี น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยอาศัยอยู่ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส มอบอำนาจทนายความแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ข้อหาฉ้อโกง หลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มหวยออนไลน์เป็นเงิน 71 ล้านบาท หลังรวบรวมหลักฐานออกหมายจับทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยา ข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน นำฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจากสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 7 ม.ค. นางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย พร้อมด้วย น.ส.ปัทมพร หรือน้อย แสงฤทธิ์ เลขานุการส่วนตัว เดินทางมาด้วยรถยนต์ฟอร์ด แพลทินัม สีบรอนซ์ ทะเบียนป้ายแดง ม 9398 กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าพบคณะทำงานร่วมสอบสวนคดี มีนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงาน คดีนอกราชอาณาจักร เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมกรณีนางจตุพรดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวก ความผิดฐานฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ กล่าวก่อนสอบสวนเจ๊อ้อยว่า คดีนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 เป็นคดีนอกราชอาณาจักรที่เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด คดีนี้อัยการสูงสุดมอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน เข้ามาร่วมสอบสวนคดี ซึ่งการร่วมสอบสวนอัยการจากสำนักงานการสอบสวนจะมีอำนาจหน้าที่ออกคำสั่งหรือให้คำแนะนำการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด คณะพนักงานอัยการร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แล้ว เมื่อได้ดูสำนวนยังมีประเด็นต้องสอบถามนางจตุพร ซึ่งเป็นประธานของคดี เป็นผู้เสียหายและเป็นผู้เริ่มคดี เราอยากถามข้อเท็จจริงบางอย่างที่การสอบสวนในชั้นกองปราบฯยังไม่ปรากฏชัด วันนี้เลยเชิญนางจตุพรพร้อมด้วยเลขานุการมาให้การเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีพยานบางปากที่ยังไม่ได้สอบสวน เราก็เรียกมาสอบสวนด้วยไม่ใช่เฉพาะนางจตุพรและเลขาฯเท่านั้น เรายังดูข้อเท็จจริงด้วยว่า หากพยานหลักฐานถึงใคร อาจต้องดำเนินคดีเพิ่มเติม ในอนาคตอาจมีผู้ต้องหาเพิ่มเติม เราจะต้องพิจารณาต่อไป
...
“คดีนี้มีกรอบระยะเวลาการพิจารณาเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจการสั่งคดีเป็นของอัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้เราจะกราบเรียนเสนอส่งถึงอัยการสูงสุดภายในวันที่ 15 ม.ค. จะทันช่วงระยะเวลาฝากขังครั้งสุดท้าย ให้คณะทีมงานกลั่นกรองของอัยการสูงสุดมีเวลากรองสำนวนก่อนส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากอัยการสูงสุดมีประเด็นที่อาจสั่งสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากนี้ สำนักงานการสอบสวนจะเรียกพยานในคดีมาสอบเกือบทุกวัน อาจมีพยานบางปากที่อัยการต้องไปสอบสวนนอกสถานที่ สำหรับพยานที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมมีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นพยานที่เกี่ยวกับเส้นทางการเงินหรือเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่างๆที่จะเป็นประเด็นพิสูจน์ได้ว่า ผู้ต้องหามีความผิดหรือบริสุทธิ์ ยังต้องสอบอีก 15 ปาก ยืนยันว่าจะสอบสวนทันเวลาที่กำหนด” นายวัชรินทร์กล่าว
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่