เทศกาลแห่งความสุขสมหวัง...ส่ง ท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แน่นอนว่าทุกๆคนต่างก็ต้องการอยากจะเห็นความร่มเย็นความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ...หน้าที่การงาน เห็นสมาชิกในครอบครัวพบแต่ความสุขความเจริญ และเห็นผู้คนในสังคมอยู่อย่างมีความสุขกันอย่างถ้วนหน้า
ทว่า... “ความหวัง” และ “ความต้องการ” เช่นที่กล่าวนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็อยู่ที่การกระทำของคนเราและตัวของเรา
“...ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่วเกิดขึ้นจากมนุษย์เราเป็นผู้กระทำ เริ่มต้นดีผลดีก็จะติดตามมา เริ่มต้นชั่วผลชั่วก็จะติดตามมา ดังนั้นจึงควรแสวงหาหลักธรรมข้อใดข้อหนึ่งมาเป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติจะได้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป”
พระครูจินดาสุตานุวัตร (พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก) ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกอีกว่า
พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้แล้วว่า “กมฺมุนา วตฺตติ โลโก แปลความว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” หมายถึง...มนุษย์เรากระทำกรรมเช่นใดไว้ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว สุดท้ายต้องได้รับผลกรรมที่เคยกระทำไว้ในอดีต
กระทำกรรมดีไว้ก็จะได้รับผลกรรมดีคือมีความสุขความร่มเย็นและมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต แต่ถ้ากระทำกรรมชั่วไว้ก็จะได้รับผลกรรมชั่วคือมีแต่ความทุกข์ได้รับความเดือดร้อนหา
ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพและหน้าที่การงานมิได้...กรรมดีหรือกรรมชั่วมิได้เกิดขึ้นจากคนอื่น แต่เกิดขึ้นจาก “ตัวเอง” นี่เอง
“ไม่มีใครจะกระทำความดีหรือความชั่วแทนตัวเราได้ เราหิวข้าวหรือกระหายน้ำแล้วจะให้คนอื่นรับประทาน หรือดื่มแทนให้เราไม่หิวหรือไม่กระหายมิได้ ทุกอย่างจึงอยู่ที่เราเป็นผู้กระทำ ไม่มีใครสามารถกระทำการแทนเราได้ ดังนั้นเมื่อเกิดอะไรขึ้นมาอย่าได้ด่วนโยนเหตุและผลว่าเกิดขึ้นจากคนอื่น”
...
...ขอจงมาตรวจตราตนเองและชี้โทษตนเองก่อนเป็นดีที่สุดเพราะ “กรรม” คือ การกระทำทั้งทางกายทางวาจาและทางใจล้วนเกิดภายใน “ตัวของเราเอง” ก่อนทั้งสิ้น จึงขอให้ยึดหลักว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรมที่ได้กระทำไว้ดังที่พระพุทธองค์ได้เคยตรัสสอนไว้แล้ว
นี่เป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติด่านแรกที่จะนำไปสู่...ความสุข ความเจริญ
ประการถัดมา...พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้แล้วว่า “สติมโต สทา ภทฺทํ แปลความว่า ผู้มีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ” หมายถึงมนุษย์เราจะใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นไปด้วยดี ไม่มีข้อผิดพลาดหรือถ้าผิดพลาดก็น้อยที่สุดก็ต้องมี “สติ” เป็นที่ตั้ง จะทำอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไร...ก็มีสติอยู่ตลอดเวลา
“เรามักพบเห็นมาโดยตลอดว่าบางคนทำอะไรหรือพูดอะไรมักขาดสติ สุดท้ายการกระทำหรือการพูดในสิ่งนั้นๆก็มักประสบความล้มเหลว รวมถึงสร้างความเสียหายหรือความเดือดร้อนติดตามมา การทำหน้าที่ในชีวิตประจำวันทุกอิริยาบถไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา
“สติมา ปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา สติมาหมาไม่กัด สติถูกตัดจะกัดกับหมา”
ประการที่สาม พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้แล้วว่า “ปมาโท มจฺจุโน ปทํ แปลความว่า ความประมาท เป็นหนทางแห่งความตาย” หมายถึงคนที่ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ไม่ว่าจะประมาทในเพศ ในวัย ในสังคม ในการดำรงชีพ ย่อมนำไปสู่ความตายนับตั้งแต่ตายจากความดี...ตายจากชื่อเสียงเกียรติยศ ตายจากสังคม ตายจากความเคารพนับถือของผู้คนในสังคม ทั้งๆที่ยังมีลมหายใจอยู่
ยิ่งในเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองความสุขปีใหม่ มีการสัญจรของผู้คนมากมาย ขอจงใช้รถใช้ถนนโดยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ถ้าผิดพลาดครั้งเดียว หรือเพียงเสี้ยววินาทีก็หมายถึงความสูญเสียหรือความเสียหายจะติดตามมาทันที...“ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย” จริงๆ
ประการที่สี่ พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนให้มนุษย์เราจงใช้ชีวิตมิให้ลุ่มหลงไปกับ “อบายมุข” เพราะจะเป็นหนทางนำไปสู่ความเสื่อมและความหายนะให้กับชีวิต ประการที่ห้า...ดำเนินชีวิตในครอบครัวให้เป็นไปตามปกติ...สร้างระบบ จัดระเบียบ สร้างบรรยากาศของการใช้ชีวิตภายในครอบครัวให้เป็นไปด้วยดี
...
สถาบันครอบครัวถือว่า “เป็นหัวใจหลัก” ในการสร้างตัวเราและครอบครัวของเราให้มีความสุขมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของเราได้ ความสุขใดก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับความสุขที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวของเรา ภายในตระกูลของเรา...ไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปหาความสุขจากแห่งหนตำบลใดอีก
ถึงตรงนี้ พระครูจินดาสุตานุวัตร ย้ำว่า พรปีใหม่จะสดใสและมีความเจริญรุ่งเรืองให้เป็นไปตามที่คาดหวัง จึงควรเริ่มต้นจากเหตุผลดังนำเสนอมานี้ทั้งห้าประการข้างต้น
“การกระทำทุกอย่างจะดีหรือชั่ว จะนำไปสู่ความสุขหรือความทุกข์ก็ล้วนเกิดจากตัวเราก่อนทั้งสิ้น...ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาท อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องหรือลุ่มหลงอยู่ในอบายมุข ขอจงเห็นโทษและขยันประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงชีวิตตนเอง...ครอบครัว รู้จักเก็บหอมรอมริบ ประหยัด อดออม”
ทำได้...จะทำให้ชีวิตเราเจริญรุ่งเรือง มีความสุข มุ่งสร้างบรรยากาศแห่งความสุขภายในครอบครัวซึ่งจะเป็นความสุขที่ถาวร สร้างความรักความอบอุ่นให้เกิดขึ้นให้ได้ สร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นภายในครอบครัว...เปรียบเสมือนสายเลือดเดียวกันจริงๆ ร่วมสุขร่วมทุกข์กันอย่างแท้จริง
...
“ปีใหม่เป็นต้นไปนี้จะมีความสุขและความหวังดังตั้งใจอย่างแน่นอน...ปีใหม่ขอให้เริ่มต้นกันด้วยสิ่งที่ดี สิ่งที่ใหม่กับตัวเรา
...ครอบครัวของเรา สิ่งที่ดีและความสุขก็จะติดตามมาให้เป็นรูปธรรม เราทำได้เท่าใดก็เอาเท่านั้น ทำได้มากก็ดีมาก...ทำได้น้อยก็ดีน้อย ไม่ทำเลย...ใครก็ช่วยไม่ได้”
ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ว่า “อตฺตาหิ อตฺตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน”จะพบแต่ “ความสุข” หรือจะพบแต่ “ความทุกข์” ตั้งแต่ปีใหม่นี้เป็นต้นไปก็อยู่ที่ตัวเราเป็นผู้กำหนด
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม