กทม.เปิดมาตรการดูแลความปลอดภัยปีใหม่ คุมเข้มการจะจัดงานใหญ่ต้องขออนุญาตใช้พลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ รวมถึงต้องส่งแผนการจัดงานทั้งหมดให้ กทม.พิจารณา ทั้งการจัดวางเวที ที่ว่างในการรองรับคน ทางเข้าทางออก ใช้กล้องซีซีทีวีจับจำนวนคนที่เข้าออก หากพบคน หนาแน่นเกินไป ต้องห้ามเข้าไปเพิ่ม ไม่อยากซ้ำรอย “เหตุอิแทวอน” พร้อมรณรงค์ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” ตั้งด่านจุดตรวจพื้นที่รอยต่อจังหวัดที่เข้ากรุง และขอประชาชนช่วยสอดส่องปัญหากองขยะ พื้นที่รกร้างที่มีหญ้าขึ้น หวั่นเกิดเพลิงไหม้

ที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น กทม.ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ใน กทม. รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า มาตรการเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จะมีการจัดงานในพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการจัดงานใหญ่ กทม. ได้ออกแนวปฏิบัติการให้มีการขออนุญาตใช้พลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ พร้อมทั้งต้องส่งแผนการจัดงานทั้งหมด ให้ กทม.พิจารณาทั้งการจัดวางเวที ที่ว่างในการรองรับคน ทางเข้าทางออก การอำนวยความสะดวก รวมถึงต้องมีการกำหนดจุดจอดรถดับเพลิง หน่วยควบคุมเพลิง รถฉุกเฉินของ กทม. ที่จะไปประจำการอยู่ที่งาน ซึ่งเราประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดแผนรองรับการจัดงานสงกรานต์ ในปีนี้อย่างเป็นระเบียบมาแล้ว ขณะที่ถนนข้าวสาร มีการใช้กล้องซีซีทีวีจับจำนวนคนที่เข้าออก เพื่อดูความหนาแน่นที่ไม่ให้แออัดจนเกินไป หากพบว่ามีความหนาแน่นจนเกินไป จะมีการประสานไปในทีมออนกราวด์ ห้ามไม่ให้คนเข้าในพื้นที่เพิ่มเติม คิดว่าไม่อยากให้เกิดสถานการณ์แบบอิแทวอน ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีความสูญเสียจำนวนมาก

รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการเน้นย้ำถึงมาตรการป้องกันไม่ให้มีการเกิดเหตุอาชญากรรม และพยายามกวดขันในเรื่องของการป้องปรามสิ่งเสพติด เพื่อให้พื้นที่การจัดงานปลอดภัยสำหรับทุกคนที่เข้าร่วมงาน ขณะเดียวกันได้มีการส่งหน่วยเพลิงและหน่วยแพทย์ประจำจุดในเขต กทม. รวมถึงแจ้งเจ้าหน้าที่เทศกิจตระเวนดูแลความปลอดภัยในพื้นที่บ้านพักอาศัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องปัญหากองขยะ และพื้นที่รกร้างที่มีหญ้าขึ้น มีความกังวลว่าอาจจะเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ ให้แจ้งมายัง กทม. ผ่านศูนย์รับแจ้งทุกข์ กทม.1555 หรือไลน์ Traffy Fondue ประสานสำนักงานเขตพื้นที่เข้าไปจัดการต้นตอปัญหาก่อน เพราะจากสถิติที่เกิดเพลิงไหม้จากปัญหาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.ที่มีอากาศร้อนจัด มีความเป็นห่วงและระมัดระวังเป็นพิเศษ ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ด้วย เพราะมีอากาศแห้งมาก

...

“นอกจากนี้ขอความร่วมมือกับประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถบนท้องถนน หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเมา ขอให้ไม่ขับรถ กทม.จะมีการตั้งด่านจุดตรวจในพื้นที่รอยต่อจังหวัดต่างๆเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงสำนักงานเขตทุกพื้นที่จะมีการตั้งด่านจุดตรวจชุมชนเมือง ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อร่วมดูแลความปลอดภัยประชาชน และที่สำคัญของฝากผู้ที่ขับขี่ด้วยว่า ให้ขับรถด้วยความระวัง ไม่ให้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็ว จะมีการขยายการดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน มาตรการขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ จาก 7 วันเป็น 10 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2567-5 ม.ค.2568” รศ.ทวิดากล่าว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่