ทุกๆ ครั้งที่มีข่าวว่าธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สามารถทำรายได้ให้แก่ประเทศไทยเท่านั้นเท่านี้ และดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเท่านั้นเท่านี้ ฯลฯ

ผมมักจะถามตัวเองขึ้นว่า “การท่องเที่ยว” หรือ “เดอะแบก” พระเอกทางด้านการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยของเรา...จะแบกได้ถึงกี่โมงหนอ?

อันหมายความตามสำนวนสมัยใหม่ว่า การท่องเที่ยวจะเป็นพระเอกแบกประเทศไปได้อีกนานเท่าใด? นั่นเอง

เพราะตั้งแต่ผมเรียนหนังสือยังไม่จบชั้นเตรียมอุดม (พ.ศ.2502) ด้วยซํ้า ผมก็ได้ยินเรื่องราวของการก่อตั้ง องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว และมีการประกาศไว้ใน แผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 1 ว่าจะส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง

ซึ่งเราก็ใช้ “การท่องเที่ยว” เป็นช่องทางในการหารายได้เข้าประเทศ รวมไปถึงใช้ในการ “กอบกู้” เศรษฐกิจของประเทศที่ตกตํ่าจนกลับมายืนหยัดได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ช่วงเศรษฐกิจถดถอยยุคที่ต้องร้องเพลง “นํ้ามันขาดแคลนคุยกับแฟนก็ต้องดับไฟ” สมัย นายกฯเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์...เราก็ใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวกอบกู้

ช่วงเศรษฐกิจตกตํ่าจนต้องลดค่าเงินบาท ก่อนเกิดเหตุการณ์ “วันลอยกระทง” ในยุค ป๋าเปรม...เราก็ใช้การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในนโยบายฟื้นฟูหลัก

ยุควิกฤติ ต้มยำกุ้ง สมัยบิ๊กจิ๋ว ยุควิกฤติ โควิด-19 สมัยลุงตู่ มาจนถึงวันนี้รัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ก็ประกาศให้ “ท่องเที่ยว” เป็นนโยบายเอกและลงทุนลงแรงอย่างมาก

จนผมต้องถามตัวเองอย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นๆว่า การท่องเที่ยวจะเป็น เดอะแบก แบกประเทศไทยได้ถึงกี่โมง?

เพิ่งจะได้คำตอบบางส่วนจากข่าวและภาพ “หน้า 1” ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเมื่อวานนี้เอง (จันทร์ที่ 23 ธ.ค.)

...

จากกรณีที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ไทยรัฐกรุ๊ป ไปจับมือกันต่อยอดแคมเปญ “สุขทันทีที่เมืองน่าเที่ยว” ที่จังหวัดเชียงราย

มีการจัดงานและโฆษณาประชาสัมพันธ์ชวนให้นักท่องเที่ยวหันไปมอง “มุมใหม่” ของจังหวัดเชียงราย อย่างเช่นคราวนี้ นอกจากเน้นแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวเดิมที่เคยฮิต และจะฮิตต่อไปเรื่อยๆแล้ว ยังมีการเสนอมุมมองด้าน “ศิลป์” หรือด้าน “อาร์ต” ของเชียงราย มาร่วมเป็นตัวชูโรงด้วย

ท่านผู้ว่าการ ททท. คุณ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ท่านก็ให้เกียรติบินไปเปิดงาน ไปพรีเซนต์ ไปแถลงวัตถุประสงค์ของงานด้วยตัวเอง ด้วยความอุตสาหวิริยะอย่างยิ่ง

ความอุตสาหวิริยะ+ความตั้งใจจริงของ ททท. รวมไปถึงการคิดมุมมองใหม่ๆ เพื่อขายสินค้าใหม่ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเบื่อหน่าย...เป็นประเด็นที่ผมชื่นชม ททท. ผ่าน คอลัมน์นี้ไปแล้วหลายครั้ง

มีการหา “มุก” หา “แก๊ก” หา “มุม” ในการ “ขาย” ท่องเที่ยวอย่างมีธรรมาภิบาล และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกมาโดยตลอดว่าอย่างนั้นเถิด

ขาย “ศิลปะ” ขาย “ธรรมชาติ” เน้นการท่องเที่ยวแบบ “รักษ์โลก” ฯลฯ ซึ่งก็ปรากฏว่าขายได้ดีจนนักท่องเที่ยวแทบจะลืม “สินค้ามุมมืด” ต่างๆของการท่องเที่ยวที่เคยโด่งดังในอดีตไปสนิทใจ

จริงอยู่ การท่องเที่ยวในแบบดั้งเดิมที่เราเคยใช้ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เกือบทั้งสายเป็นแหล่งขาย ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ไม่ใช่จุดเด่นอย่างแต่ก่อน

จึงขอให้กำลังใจและขอให้ ททท. คิด “มุกใหม่” ในทางดีงามเพื่อสร้างเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไปตราบนานเท่านาน

เราเดินมาถูกทางแล้วครับ และหากยังเดินได้ต่อไปในแนวนี้ ธุรกิจการท่องเที่ยวทั้งระบบน่าจะอยู่ได้อีกอย่างน้อย 50 ปี ในฐานะ “เดอะแบก” ตัวจริงเสียงจริงของเศรษฐกิจไทย.

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม