เรื่องเล่า เก่าแบบที่คนไทยเรียกสมัยพระเจ้าเหา แต่เรื่องจริงๆ ของจีน เรียกสมัยพระเจ้าหยาว ก็ราวสี่พันปีที่แล้ว สำนวนที่เคยฟังกันบ่อยๆ “สี่อิ๋วล้างหู”
เรื่องจบลงตรง “สี่อิ๋ว” คนนั้น เป็นผู้บรรลุคุณธรรมตามแบบเต๋า ไม่หลงใหลในลาภยศ สุขสรรเสริญใดๆในโลก
นี่คือเรื่องของผู้รู้ระดับตำนาน น่าชื่นชมยกย่อง แต่เรื่องเล่า “สี่อิ๋วล้างหู” เดียวกัน ปราชญ์ใหญ่สมัยราชวงศ์หมิง “หงอิ้งหมิง” เขียนเป็นหนังสือ ถูกเก็บไว้ในหีบหนังสือ วังจิ่งหยวนกง พระราชวังโบราณกรุงปักกิ่ง...เพิ่งถูกค้นพบไม่นาน คนรุ่นใหม่อ่านแล้วฮือฮาไม่แค่แพร่หลายในจีน ยังข้ามทะเลไปเป็นหนังสือดัง อันดับสี่ ในญี่ปุ่น
ในเมืองไทย บุญศักดิ์ แสงระวี แปลรวมเล่ม ชื่อสายธารแห่งศรัทธา สำนักพิมพ์ ก.ไก่ พิมพ์เมื่อปี 2535 ตอนจบของ สี่อิ๋วคนเดียวกัน แตกต่างกัน
เล่าต่อๆกันมาชายคนหนึ่งชื่อว่า “สี่อิ๋ว” ชื่อเสียงโด่งดังเป็นคนดีมีความรู้มาก จนไปเข้าหูพระเจ้าหยาว
พระองค์ส่งขุนนางใหญ่ ไปทาบทาม จะมอบบัลลังก์ฮ่องเต้ให้ แต่สี่อิ๋วปฏิเสธ ยิ่งเมื่อถูกรบเร้า สี่อิ๋วหลับตาเห็นชะตากรรมบนบัลลังก์อำนาจ จึงหนีไปอยู่ในที่ห่างไกล เขาคิดแล้วว่า จะไม่มีใครจะตามไปถึง
แล้วก็ถึงวันนั้น...ขุนนางหน้าเก่าก็เพียรพยายามตามไปพบ ด้วยเทียบเชื้อเชิญไปนั่งบัลลังก์...อีกครั้ง
ครั้งนี้ สี่อิ๋ว แสดงความชิงชังออกมา ให้เป็นที่ปรากฏ เขาหนีออกจากบ้าน เดินไป นั่งล้างหูอยู่ริมลำธาร
ลำธารตามเรื่องเล่า น่าจะเป็นลำธารในเมือง มีผู้คนแวะเวียนผ่านไปมา บังเอิญเวลานั้น ก็มีชายชรา “หูยาวคิ้วขาว” ท่วงท่าเป็นผู้รู้สำคัญสักคน...จูงควายไปกินน้ำ
เหตุบังเอิญ อีกล่ะกระมัง ชายชราไปทีหลัง จึงเลือกจูงควายไปกินใต้น้ำ
...
ระหว่างควายกินน้ำ ชายชราเหลือบตามาเห็น “สี่อิ๋วล้างหู” ก็หลุดปากถาม
“เหตุใด ท่านจึงต้องล้างหู”
“ข้า เจอแต่เรื่องเก่าๆ” สี่อิ๋วน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“พระเจ้าหยาว เคยเรียกข้าไปเป็นฮ่องเต้ ข้าปฏิเสธแล้ว หลายครั้ง อุตส่าห์หนีมาให้ไกล พระเจ้าหยาวก็ยังส่งคนตามมารบเร้า
ข้าคิดว่า คำเรียกซ้ำซากนี้ จะทำให้รูหูข้าสกปรก จึงอยากมาล้างเสียให้สะอาด”
“อ้อ!” ชายชราเปิดตัวว่า รู้เรื่องนี้ดี ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
“ทำไม ท่านไม่เลือกหนี ไปอยู่ในป่าใหญ่ภูเขาสูงไกลๆที่มีให้เลือก แต่ท่านกลับหนีมาอยู่ในบ้านเมืองเปิดเผยใกล้ๆ มีผู้คนมากมายรู้เห็น ดูเป็นการจงใจจะเผยแพ่รชื่อเสียงท่านมากกว่า”
“เชอะ!” ชายชรา ขึ้นเสียง “ข้าเกรงว่าน้ำที่ท่านล้างหู จะทำให้ปากควายของข้าสกปรก”
ว่าแล้ว ชายชรา ก็กระตุกเชือกเตือนควายให้หยุดกินน้ำ แล้วจูงควายให้เดินจากไป
“หิงอิ้งหมิง” ผู้เล่าเปิดตัวประหนึ่งเป็นชายชราในเรื่องเล่า จบเรื่องนี้ว่า
อันที่จริง เล็กหรือใหญ่ ไม่ใช่เป็นสิ่งสมบูรณ์ หมายความว่า มิใช่ว่าใหญ่ก็จะใหญ่อยู่ตลอดไป มิใช่ว่า เล็กก็จะเล็กอยู่อย่างนั้น สิ่งหนึ่งใดมีเล็กมาเทียบเคียง จึงจะแสดงให้เห็นถึงความใหญ่
และหากมีสิ่งที่ใหญ่กว่ามาเทียบ สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นเล็กไปทันที
ความสวยงามกับความอัปลักษณ์ ความสะอาดกับความสกปรก เป็นเช่นนี้ เฉพาะฉะนั้น เราควรบ่มเพาะคุณธรรมความดีให้มากๆ ไม่จำเป็นต้องไปโอ้อวดความดีอย่างหลับหูหลับตา เหมือนใคร?บางคน
นี่เอง เรื่องสี่อิ๋วคนดีในตำนาน ก็พลิกเหลี่ยมกลายเป็นเรื่อง “สี่อิ๋วขี้โม้” เหมือนนักการเมืองขี้โอ่ยกตนข่มท่านจนเป็นที่หมั่นไส้ ไปด้วยประการฉะนี้.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม