เมียจูงลูกวัย 4 ขวบหาเงินเสียค่าปรับให้ผัวเสพยาคลั่งทุบตี เผยให้อภัยเพราะรัก อยากให้ลูกมีพ่อ ด้านผัวสำนึกผิดบอกจะไม่ทำอีก
จากกรณีนายสมเจตน์ หรือ ตี๋ อายุ 31 ปี ชาว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี หลอนยาคลั่งอาละวาดทำร้าย น.ส.นิ่ม อายุ 37 ปี ภรรยา ทำให้ นายชีระศักดิ์ อายุ 41 ปี เจ้าของอพาร์ตเมนต์ เกรงว่านายสมเจตน์จะนำอาวุธปืนมาใช้ และเป็นอันตรายกับผู้เช่ารายอื่น จึงแจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุ ซึ่งนายสมเจตน์ไม่ต่อสู้ขัดขืน เดินออกมามอบตัวกับตำรวจ อ้างเมียมีชู้
จากการค้นห้องพบมีด และประทัดลูกบอล ส่วนอาวุธปืนที่เคยนำมายิงขู่ภรรยาได้ส่งคืนเพื่อนแล้ว ตำรวจจึงควบคุมตัวไปตรวจยาเสพติด พบฉี่สีม่วง แจ้งข้อหา "เสพยาเสพติด ประพฤติตนวุ่นวาย" ดำเนินคดี ส่วนเมียยกโทษให้เพราะยังรักสามี ไม่แจ้งทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดค่ำวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในซอยธารเลิศ ชุมชนหนองตุ เขตเทศบาลนครอุดรธานี
ความคืบหน้าคดีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่อพาร์ตเมนต์เกิดเหตุ พบนายชีระศักดิ์ อายุ 41 ปี เจ้าของอพาร์ตเมนต์ เล่าว่า นายตี๋พาเมียกับลูกมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่รายวัน ต่อมาก็ขอเช่าเป็นรายเดือน 3,500 บาท ซึ่งจ่ายล่วงหน้า 1 เดือน จ่ายค่าประกันห้อง 3,000 บาท ในสัญญา 4 เดือน โดยนายตี๋จะไปขายข้าวกระเพราที่ตลาดรถไฟ ระยะแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ระยะหลังเสพยาเสพติดแล้วหลอนเริ่มจะทำร้ายเมีย ระแวงเมียจะมีชู้ ซึ่งตนเห็นว่านายตี๋ทำร้ายเมียก็จะเข้าไปช่วยห้ามปราม เคยเห็นนายตี๋ยิงปืน จึงยึดปืนไว้ แต่ยังไม่แจ้งตำรวจ ได้คืนปืนให้ไป หลอนหนักถึงขั้นส่งข้อความถึงตนว่ามีผู้ชายเข้ามาในห้อง และมาทำร้ายเมียอีก จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจ พร้อมกับให้ย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองและผู้เช่ารายอื่น
...
ส่วน น.ส.นิ่ม และลูกชายวัย 4 ปี ได้เดินทางหายืมเงินมาเสียค่าปรับ ซึ่งนายตี๋ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.เมืองอุดรธานี โดย น.ส.นิ่ม เล่าว่า พบรักกับนายตี๋ที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นนายตี๋ทำงานขับรถโรงงานน้ำอัดลมมีชื่อยี่ห้อหนึ่ง ส่วนตนเป็นเซลล์ อยู่กินฉันสามีมาได้ 4 ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร เป็นคนอารมณ์ดี ไม่เคยทะเลาะมีปากเสียงถึงขั้นลงไม้ลงมือกับตน
ต่อมานายตี๋ชวนลาออกจากงาน กลับมาดูแลป้ากับลุงที่ จ.อุดรธานี เพราะพ่อแม่นายตี๋เสียชีวิตหมดแล้ว ป้ากับลุงเป็นคนเลี้ยง โดยเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยกัน ตอนเย็นนายตี๋จะไปขายข้าวกระเพราที่ตลาดรถไฟ แต่ขายไม่ดีทำให้เจ๊ง มีวัยรุ่นทะเลาะกันบ่อย ทำให้เงินเก็บร่อยหรอ นายตี๋หันไปเสพยาบ้า กัญชา น้ำท่อม พอหลอนก็ระแวงตนมีชู้ และทำร้ายร่างกายตน
"ถึงแม้จะโดนสามีทำร้ายประจำ ก็ยังให้อภัย เพราะรักสามี ไม่ยอมหนีไปไหนเพราะอยากให้ลูกมีพ่อ มีครอบครัวที่อบอุ่น พอสามีเกิดอาการหลอน อาละวาด ตนก็จะทำให้สามีอารมณ์เย็นลง ด้วยการบอกว่า ที่ทนอยู่ทุกวันก็เพราะรัก จะมีผู้หญิงคนไหนทนได้ขนาดนี้ ถ้ามีคนอื่นจริงคงจะหนีไปนานแล้ว ไม่มาทนอยู่แบบนี้หรอก ก็ทำให้สามีเย็นลงและคิดได้ วันนี้หาเงินมาประกันตัวสามี ยอมรับว่ากลัวหากสามีกลับไปเสพและอาละวาดทำร้ายอีก กลัวว่ามันจะรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จึงบอกสามีว่าให้อภัยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าทำร้ายอีกจะขอแยกทาง หลังเสียค่าปรับก็ต้องไปย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ ซึ่งตนเข้าใจเจ้าของ ต้องเอาความปลอดภัยของผู้เช่าอื่นไว้ก่อน"
ทั้งนี้ตำรวจได้นำตัวนายสมเจตน์ หรือตี๋ ออกจากห้องควบคุมที่ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อไปฟ้องศาล ซึ่งทั้งสองข้อหามีโทษปรับ ผู้สื่อข่าวถามว่านอนหลับหรือไม่ นายตี๋บอกว่าหลับ สำนึกผิดแล้ว สงสารภรรยาที่หาเงินมาเสียค่าปรับ จะไม่ทำอีกแล้ว จากนั้นตำรวจได้อนุญาตให้ น.ส.นิ่ม และลูกชาย ขึ้นรถไปเสียค่าปรับที่ศาลด้วย เพราะ น.ส.นิ่มไม่มีรถเดินทางไปที่ศาลแขวงอุดรธานี.